มานัต (บาลีวันละคำ 4,791)

มานัต
อุปมาเหมือนวิธีกำจัดมานะ
อ่านว่า มา-นัด
“มานัต” รูปคำบาลีเป็น “มานตฺต” อ่านว่า มา-นัด-ตะ รากศัพท์มาจาก มาน + ตฺต ปัจจัย
(๑) “มาน” อ่านว่า มา-นะ รากศัพท์มาจาก –
(1) มานฺ (ธาตุ = บูชา) + อ (อะ) ปัจจัย
: มานฺ + อ = มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่ให้เขาบูชา” (คือต้องการให้เขานับถือ)
(2) มนฺ (ธาตุ = รู้, คิด, เข้าใจ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ (ยืดเสียง) อะ ที่ ม-(น) เป็น อา
: มนฺ + ณ = มนณ > มน > มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่สำคัญตนว่าดีกว่าเขาเป็นต้น”
(3) มา (ธาตุ = นับถือ; นับ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: มา + ยุ > อน = มาน แปลตามศัพท์ว่า (1) “อาการเป็นเหตุให้เขานับถือตน” (2) “อุปกรณ์เป็นเครื่องอันเขานับสิ่งของ” = เครื่องนับ, การนับ
“มาน” ในที่นี้ใช้ในความหมายตามข้อ (3)
“มาน” ตามความหมายในข้อ (3) พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความว่า māna has 2 meanings, viz. “measure,” and “building” (มาน มี 2 ความหมาย กล่าวคือ “เครื่องวัด”, และ “การสร้าง”)
(๒) “ตฺต” อ่านว่า ตะ-ตะ เป็นปัจจัยในภาวตัทธิต แปลว่า “ความเป็น-”
: มาน + ตฺต = มานตฺต (มา-นัด-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นคือการนับ”
…………..
หมายเหตุ: รากศัพท์ดังที่แสดงมานี้ หากท่านผู้ใดเห็นว่าคลาดเคลื่อน กรุณาบอกแก้ไขให้ด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
…………..
บาลี “มานตฺต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “มานัต” อ่านว่า มา-นัด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มานัต : (คำนาม) วินัยกรรมที่สงฆ์ทำแก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสให้เป็นภิกษุที่นับเข้าในหมู่สงฆ์ได้ เช่น สวดมานัต. (ป. มานตฺต).”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “มานัต” ไว้ดังนี้ –
…………..
มานัต, มานัตต์ : ชื่อวุฏฐานวิธี คือระเบียบปฏิบัติในการออกจากครุกาบัติ แปลว่า “นับ” หมายถึงการนับราตรี ๖ ราตรี คือ ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว เมื่อจะปลดเปลื้องตนจากอาบัติตามธรรมเนียมแห่งอาบัติสังฆาทิเสส จะต้องไปหาสงฆ์จตุรวรรค* ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบภิกษุแก่กว่า นั่งกระหย่งประนมมือ กล่าวคำขอมานัตตามอาบัติที่ต้อง ภิกษุรูปหนึ่งสวดประกาศให้มานัตแล้ว ภิกษุรูปนั้นประพฤติมานัต ๖ ราตรี เป็นวุฏฐานวิธีเบื้องต้น แห่งการออกจากครุกาบัติ แล้วสงฆ์จึงสวดระงับอาบัตินั้น (แต่ถ้าปกปิดอาบัติไว้ ต้องอยู่ปริวาสก่อนจึงประพฤติมานัตได้)
…………..
หมายเหตุ: “สงฆ์จตุรวรรค” แปลว่า “สงฆ์พวกสี่” หมายถึง สงฆ์ที่กำหนดจำนวนภิกษุอย่างต่ำเพียง 4 รูป กล่าวคือ ในการทำสังฆกรรมตามพระวินัย มีกำหนดจำนวนภิกษุอย่างต่ำที่จะต้องเข้าร่วมประชุมในสังฆกรรมแต่ละประเภทไว้ เช่น ประชุมฟังพระปาติโมกข์ต้องมีภิกษุเข้าร่วมประชุมอย่างต่ำ 4 รูป กรานกฐินต้องมีภิกษุเข้าร่วมประชุมอย่างต่ำ 5 รูป อุปสมบท (บวชพระ) ต้องมีภิกษุเข้าร่วมประชุมอย่างต่ำ 5 รูป หรือ 10 รูปแล้วแต่กรณี (ในถิ่นที่หาภิกษุยาก อย่างต่ำ 5 รูป ในถิ่นที่หาภิกษุง่าย อย่างต่ำ 10 รูป) อย่างนี้เป็นต้น
สังฆกรรมคือการสวดให้ “มานัต” กำหนดว่าต้องมีภิกษุเข้าร่วมประชุมอย่างต่ำ 4 รูป ซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า “สงฆ์จตุรวรรค”
…………..
คำที่นิยมใช้ควบกับ “มานัต” คือ “ประพฤติมานัต” ประพฤติมานัตคือประพฤติอะไร ประพฤติอย่างไร สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงประมวลความจากพระวินัยปิฎกมาเรียบเรียงไว้ในหนังสือวินัยมุข เล่ม 3
ขอเก็บคำและความบางส่วนที่เห็นว่าควรรู้มาเสนอไว้ในที่นี้ดังนี้
…………..
วัตรที่ภิกษุผู้ประพฤติมานัตจะต้องปฏิบัติ เช่น:
– งดการปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งหรือตามสิทธิ์ที่เคยปฏิบัติทั้งหมด
– งดสิทธิ์ที่เคยได้รับตามลำดับพรรษา เช่นกิจนิมนต์เป็นต้น
– ห้ามแสดงตัวว่าอยู่เหนือภิกษุอื่น (เช่นวางมาดว่าฉันเป็นเจ้าคุณนะ ฉันเป็นพระครูนะ ฉันเป็นประโยค ๙ นะ)
– ไม่ให้ใครมาเคารพกราบไหว้
– มีภิกษุสามเณรหรือใครก็ตามมาคอยอยู่รับใช้ไม่ได้
– ห้ามฟ้องร้องกล่าวหาหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับคดีความหรือกิจกรรมใด ๆ
– เมื่อจำเป็นต้องไปในที่ชุมนุมภิกษุ ไม่ให้เดินหน้าภิกษุอื่น ไม่ให้นั่งหน้าภิกษุอื่น จะนั่งนอนในที่ใด ๆ ต้องอยู่หลังอยู่ท้ายเขาทั้งหมด (ปกติภิกษุผู้ประพฤติมานัตจะต้องแยกไปอยู่ตามลำพัง)
– จะไปไหนมาไหน ห้ามไม่ให้ร่วมกลุ่มกับภิกษุอื่น คือ ต้องอยู่ ต้องไป ต้องมาตามลำพัง
– มีพระอื่นมาในวัด ต้องบอกล่าวให้รู้ว่าตนทำผิด กำลังต้องโทษอยู่ (ใครมาหา ต้องประจานตัวให้เขารู้)
– ไปวัดอื่น ต้องแจ้งแก่ภิกษุในวัดนั้นว่าตนทำผิด กำลังต้องโทษอยู่ (ไปหาใคร ก็ต้องประจานตัวให้เขารู้)
ฯลฯ
สรุปมาพอให้ภาพเท่านั้น รายละเอียดทั้งปวงพึงศึกษาจากหนังสือ วินัยมุข เล่ม 3 กัณฑ์ที่ 30 วิธีระงับอาปัตตาธิกรณ์ หัวข้อวิธีระงับครุกาบัติ หน้า 158-179
…………..
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้ารู้จักควบคุมใจตน
: ก็ไม่ต้องมีคนมาควบคุม
#บาลีวันละคำ (4,791)
25-7-68
…………………………….
…………………………….
