โอกาสนั้นมาถึงแล้ว

โอกาสนั้นมาถึงแล้ว
———————
ญาติมิตรท่านใดมีความสามารถในการทำเพลงบ้าง?
“ทำเพลง” ในที่นี้หมายถึงการเรียบเรียงเสียงประสาน (arrange) มีเครื่องดนตรี มีวงดนตรี มีนักร้อง จนถึงบันทึกเสียงออกมาเป็นเพลงเปิดฟังกันได้
ที่ถามอย่างนี้ก็คือผมจะขอให้ช่วยทำเพลงให้สักเพลงหนึ่ง
ทำถวายวัดครับ
เงื่อนไขข้อใหญ่มีข้อเดียว คือ ท่านจะไม่ได้สตางค์เลยแม้แต่บาทเดียว
นอกจากไม่ได้สตางค์แล้ว ท่านจะต้องควักกระเป๋าเองทั้งหมดอีกด้วย
เนื้อร้องกับทำนอง ผมแต่งไว้เรียบร้อยแล้ว
ค่าเรียบเรียงเสียงประสาน
ค่าเครื่องดนตรี
ค่านักดนตรี
ค่านักร้อง
ค่าอัดเสียง
ท่านจะต้องจ่ายเองทั้งหมด
หรือถ้าเป็นกิจการของท่านเอง ก็ต้องทำให้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ทำเสร็จแล้ว ยกเพลงนี้ถวายวัด
ผมไม่ได้บ้า
แต่กำลังมองหาคนที่ความคิดจิตใจอยู่ในระดับเดียวกัน
——————–
เบื้องหลังก็คือ ผมเป็นคนวัดมหาธาตุ จังหวัดราชบุรี ได้ดีไปจากสำนักนี้
หลายปีมาแล้วผมแต่งเพลงขับร้องประกอบดนตรีไทยให้วัดมหาธาตุไว้แล้ว ๓ เพลง
เพลงระบำรัตนมหาธาตุ (เพลงชมพระปรางค์มหาธาตุ)
เพลงชมไม้วัดมหาธาตุ
เพลงเลียบวัด
อันที่จริงผมแต่งเฉพาะเนื้อร้องนะครับ ทำนองและการใส่ดนตรีไทย คนอื่นรับเอาไปทำ ผมทำไม่เป็น
เพลงทั้ง ๓ เพลงนี้ เวลาวัดมหาธาตุมีงานการกุศลก็เอามาเปิดฟังกันในงาน สร้างบรรยากาศได้ดีพอสมควร-อยู่จนทุกวันนี้
วัดมหาธาตุ ราชบุรี จัดงานประเพณีสงกรานต์ทุกปี มีทำบุญ ก่อพระทราย การละเล่นพื้นบ้าน และรำวงย้อนยุคเฉพาะคนสูงอายุ สุภาพ เรียบร้อย ไม่หยาบโลน
ผมก็แต่งเพลงรำวงสงกรานต์ขึ้นมาเพลงหนึ่ง บรรยากาศสนุกๆ แบบเด็กวัดหรือหนุ่มสาวชาววัด เคยร้องกันเล่นๆ อยู่ปีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ร้องกันอีกเลย
ผมตั้งใจจะทำให้เป็นเพลงที่สมบูรณ์ แล้วถวายเป็นสมบัติของวัด
แต่ความตั้งใจนั้นยังไม่สำเร็จ
เรื่องนี้ผมเคยเอามาบอกกล่าวทางเฟซบุ๊กนี่ครั้งหนึ่ง ก็มีญาติมิตรท่านหนึ่งรับทำให้ แต่คงจะมีข้อขัดข้องอะไรสักอย่าง เรื่องก็เงียบหายไป
ความจริงผมมีพรรคพวกเป็นพวกดุริยางค์ทหารเรือ เคยแต่งเพลงร่วมกันมาก็หลายเพลง ผมแต่งเนื้อ เพื่อนแต่งทำนอง
อย่างเพลง “เทียนส่องฟ้า” อันเป็นเพลงวันครูนั่นก็เพลงหนึ่ง เพลงนี้ได้รับรางวัลที่ ๒ จากการประกวดเพลงวันครูของคุรุสภา สมัยท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
ผมเคยเอาเพลงรำวงสงกรานต์ไปเสนอเพื่อน ตั้งแต่เพื่อนยังรับราชการอยู่ในกองดุริยางค์ทหารเรือ จนเดี๋ยวนี้เพื่อนเกษียณอายุราชการแล้ว เพลงนี้ก็เงียบหายไป
ผมเป็นคนเกรงใจคนอย่างยิ่ง ขอให้ใครทำอะไรหรือใครรับว่าจะช่วยทำอะไรให้ ผมไม่นิยมทวงถาม เกรงใจเขา อยากได้แบบ-ออกมาจากหัวใจจริง ไม่ใช่ได้มาเพราะการตามทวงซึ่งรู้ไม่ได้ว่าเขาเต็มใจหรือจำใจ
——————–
ที่ผมบอกไว้ข้างต้นว่า-กำลังมองหาคนที่ความคิดจิตใจอยู่ในระดับเดียวกัน หมายความว่า งานนี้ผมคิดด้วยจิตเป็นกุศล และเชื่อว่าคนที่มีจิตเป็นกุศลเหมือนผมยังมีอยู่
คำว่า “จิตเป็นกุศล” หมายความว่า คิดทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน โดยเฉพาะผลตอบแทนที่เป็นทรัพย์สินเงินทอง
ผมโชคดีอย่างหนึ่งคือ ทุกวันนี้ผมไม่ต้องกังวลเรื่องการทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ ทั้งนี้เพราะผมได้รับพระราชทานบำนาญทุกเดือน
เรื่องเงินบำนาญหรือเงินเดือนนี่ก็แปลกอย่างหนึ่ง คือเขาไม่นิยมบอกจำนวนกัน
แบบเดียวกับอายุของสุภาพสตรี – นี่ก็เป็นธรรมเนียมที่เขาไม่บอกกัน
ผมบอกได้แต่ว่า ในจำนวนผู้เกษียณอายุราชการปีเดียวกันของกองทัพเรือ ซึ่งปีนั้นมีประมาณ ๒๐๐ คน นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย เป็นผู้เกษียณอายุราชการที่ได้รับเงินบำนาญน้อยที่สุด
น้อยจนพรรคพวกที่รู้ความจริงเฮกันลั่นหอประชุมกองทัพเรือ
แต่ผมกล้าประกาศได้ว่าเงินบำนาญของผมพอกิน และเหลือพอทำบุญได้ทุกวัน
ผมถือหลักเหมือนปู่ย่าตายายไทย คือทุกบ้าน-ถ้ามีวัดอยู่ในละแวกบ้าน ก็จะใส่บาตรกันทุกวัน ถือเป็นกิจวัตรประจำชีวิต
ใส่บาตรก็คือทานมัย-บุญสำเร็จด้วยการให้ คือทำบุญด้วยวิธีให้วัตถุสิ่งของ
ผมไม่ได้ใส่บาตร-ด้วยเหตุผลบางประการ (ซึ่งผมเคยบอกว่าถ้ามีเวลาจะเล่าให้ฟัง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเวลาเล่า!)-แต่ผมทำบุญด้วยวิธีให้ทุกวัน
ผู้ที่อยู่ในฐานะแบบเดียวกับผม-คือไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพก็มีชีวิตอยู่ได้ ส่วนมากนิยมหาความสุขใส่ตัว ตามรูปแบบและวิธีการต่างๆ แล้วแต่ว่าใครจะเห็นว่าอะไรคือความสุข
ผมก็หาความสุขใส่ตัว แต่ความสุขของผมคือการทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ตามแนวทางที่ผมถนัด
แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน
ผมถนัดทางภาษา ผมพอรู้ว่าภาษาไทยที่ดีมีลักษณะอย่างไร ผมแต่งกาพย์กลอนได้ไม่ขี้เหร่จนเกินไป และผมเรียนบาลีพอที่จะค้นคว้าหาความรู้ที่ถูกต้องทางพระศาสนาจากพระไตรปิฎกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งที่คนอื่นแปลไว้ร่ำไป
ผมก็ใช้ความถนัดในทางนี้ทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้ทุกวัน
ค้นคว้าหลักพระธรรมวินัยมาตอบคำถามให้ญาติมิตร นี่ทำทุกวัน
——————–
เมื่อเดือนที่แล้ว (กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) มีคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งยกขบวนมาหาผมที่บ้าน แจ้งให้ทราบว่าหน่วยงานของท่านจะจัดงานเฉลิมฉลองปรารภการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยส่วนหนึ่งของงานจะเป็นการเห่เรือ จึงขอให้ผมช่วยแต่งกาพย์เห่เรือเพื่อการนี้ ทั้งนี้ขอให้เสร็จภายในวันที่เท่านั้นๆ เพราะจะต้องนำไปประกอบการดำเนินการขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดงานก่อนด้วย
เรื่องการแต่งกาพย์เห่เรือ ผมพอทำได้ ผมก็ตกลงรับปาก
ซักถามรายละเอียด กรอบขอบเขตเนื้อหาที่ประสงค์จะให้ปรากฏในบทเห่ และเรื่องอื่นๆ จนเป็นที่พอใจทั่วกันแล้ว ก็มาถึงเรื่องสำคัญ คือหัวหน้าคณะถามผมว่า-ผมจะคิดเท่าไร
ผมหัวเราะลั่นอยู่ในใจ
ผมบอกว่าผมไม่คิด บทกาพย์กลอนของผมแต่งให้ใคร ผมไม่เคยคิดราคา เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล และไม่ต้องลำบากหาอะไรมาให้ผม เท่าที่มาขอให้ผมแต่งนี่ก็เป็นการให้เกียรติผมอย่างยิ่งแล้ว
ชาวคณะฟังแล้วก็มีท่าทีงงๆ ว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ ขอบคุณและลาไปด้วยท่าทีที่ยังไม่หายงง
บัดนี้ผมแต่งกาพย์เห่เรือที่ต้องการเสร็จแล้ว และส่งมอบให้เจ้าภาพไปเรียบร้อยแล้ว
“ความสำเร็จของงานคือรางวัลอยู่แล้วในตัว”
เป็นพระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ ๙ ที่ผมกลั่นเอามาเทิดทูนไว้เหนือเกล้าตั้งแต่สมัยที่เป็นวิทยากรโครงการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท
ทำงานเสร็จ ผมก็ได้รับ “ความสำเร็จของงาน” เป็นรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว
——————–
ผมจับหลักความจริงได้อย่างหนึ่งว่า คนที่จะทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้เต็มที่นั้นต้องไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำมาหาเลี้ยงชีพ
ถ้ายังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัวอยู่ โอกาสที่จะคิดทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์จะมีน้อยอย่างยิ่ง และในทางตรงกันข้าม โอกาสที่จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้ ก็จะมีมากขึ้นอย่างยิ่งด้วย
แต่ผมเชื่อว่า คนที่ตั้งใจทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยจิตที่เป็นกุศลยังมีอยู่
ผมจึงไม่เกรงใจใครที่จะประกาศขอรับความช่วยเหลือ-เรื่องทำเพลง ดังที่บรรยายมาข้างต้น
ใครทำไม่ได้ ช่วยไม่ได้ หรือช่วยฟรีๆ ไม่ได้ ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว อ่านไป ผ่านไปเฉยๆ ก็ไม่เป็นไร
บอกเล่ากันมา เผื่อว่าจะไปเข้าหูเข้าตาคนที่ช่วยได้-ที่ผมเรียกว่า “คนที่ความคิดจิตใจอยู่ในระดับเดียวกัน”
ผมคาดว่าจะต้องมีญาติมิตรเป็นอันมากที่เสนอความเห็นว่า-ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างโน้นสิ ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างโน้น ฯลฯ
ขอบพระคุณในความกรุณา
แต่ผมจะทำอย่างนี้แหละ-ทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่แหละ
คือผมอยากจะพิสูจน์ว่าที่พูดกันว่า ของฟรีไม่มี หรือ-ไม่มีใครเขาทำอะไรให้กันฟรีๆ-นั้น เป็นความจริง
หรือไม่เป็นความจริง
——————–
เงินที่ได้จากการขายผลงานช่วยเราให้มีชีวิตได้นานที่สุดก็แค่ในโลกนี้เท่านั้น
แต่ค่าของคนไม่ได้มีเพียงแค่มีชีวิตอยู่ในโลก
แต่อยู่ที่ได้ทำอะไรให้โลกไว้บ้าง
ถ้าอยากฝากอะไรให้แก่โลกไว้บ้าง
โอกาสนั้นมาถึงแล้วครับ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓ มีนาคม ๒๕๖๒
๑๘:๔๘
