บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

กิจของสงฆ์

กิจของสงฆ์ (๑)

————-

คำว่า “กิจของสงฆ์” มักมีผู้ยกขึ้นมาพูดในเชิงปฏิเสธ คือเมื่อเห็นพระทำอะไรที่ตนเห็นว่าไม่ถูก ก็จะพูดว่า นี่ใช่กิจของสงฆ์หรือ นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์

อย่างไรคือกิจของสงฆ์

อย่างไรไม่ใช่กิจของสงฆ์

ถ้าถามขึ้น แม้แต่คนที่บอกว่า นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ นั่นเอง ก็คงบอกไม่ได้ ถึงบอกได้ ก็ใช้ความคิดเห็นของตนเองนั่นเองเป็นเกณฑ์

อะไรที่ฉันเห็นว่าพระทำอย่างนี้ไม่ดี ฉันก็ว่านี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์

อะไรที่ฉันเห็นว่าพระทำอย่างนี้ดี ฉันก็ว่านี่เป็นกิจของสงฆ์

ตกลงว่าจะเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ใช่กิจของสงฆ์ ขึ้นอยู่กับ “ฉันเห็นว่า” 

………………………

ผมขอให้เรามาตั้งหลักกันใหม่

วางสิ่งที่ “ฉันเห็นว่า” ลงไปก่อน

แล้วมาช่วยกันศึกษาตรวจสอบว่า กิจของสงฆ์หรือไม่ใช่กิจของสงฆ์ท่านแสดงไว้ที่ไหนอย่างไรบ้าง

ตรงนี้แหละที่เราพลาด ไม่ค่อยทำกัน

ไม่ค่อยช่วยกันทำด้วย

จึงขอร้อง-ร้องขอมา ณ ที่นี้ –

ขอให้ช่วยกันทำหน่อย 

อย่าให้ทองย้อยทำอยู่คนเดียว

แหล่งที่จะศึกษาเรื่องกิจของสงฆ์ก็คือหลักพระธรรมวินัยที่ท่านแสดงไว้ในพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกาอาจริยมติ ตลอดจนจารีตประเพณีที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย

ผมจะลองนำร่องไปก่อน-เท่าที่สติปัญญาจะพึงมี

………………………

เบื้องต้น ทำความตกลงกันก่อนว่า คำว่า “กิจของสงฆ์” หมายถึงอะไร

คำว่า “กิจของสงฆ์” แปลกลับเป็นคำบาลีว่า “สังฆกิจ” 

ในอรรถกถาพระวินัย (สมันตปาสาทิกา ภาค ๒ หน้า ๑๑๖) มีข้อความตอนหนึ่งว่า –

…………………………………………………

อปโลกนกมฺมํ  ญตฺติกมฺมํ  ญตฺติทุติยกมฺมํ  ญตฺติจตุตฺถกมฺมนฺติ  เอวํ  จตุพฺพิธํ  สงฺฆกิจฺจํ  กิจฺจาธิกรณนฺติ  เวทิตพฺพํ.

สังฆกิจ ๔ อย่างนี้ คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม และญัตติจตุตถกรรม พึงทราบว่าเป็นกิจจาธิกรณ์

…………………………………………………

เป็นอันว่า ความหมายทางพระวินัย “สังฆกิจ” ก็คือ “กิจจาธิกรณ์

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “กิจจาธิกรณ์” ไว้ดังนี้ –

…………………………………………………

กิจจาธิกรณ์ : การงานเป็นอธิกรณ์ คือ เรื่องที่เกิดขึ้นอันสงฆ์ต้องจัดต้องทําหรือกิจธุระที่สงฆ์จะพึงทํา; อรรถกถาพระวินัยว่าหมายถึงกิจอันจะพึงทําด้วยประชุมสงฆ์ ได้แก่ สังฆกรรมทั้ง ๔ คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรม 

…………………………………………………

เป็นอันได้ความต่อไปอีกว่า “กิจจาธิกรณ์” ก็คือ “สังฆกรรม

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “สังฆกรรม” ไว้ดังนี้ –

…………………………………………………

สังฆกรรม : งานของสงฆ์, กรรมที่สงฆ์พึงทำ, กิจที่พึงทำโดยที่ประชุมสงฆ์ มี ๔ คือ 

๑. อปโลกนกรรม (อะ-ปะ-โล-กะ-นะ-กำ) กรรมที่ทำเพียงด้วยบอกกันในที่ประชุมสงฆ์ ไม่ต้องตั้งญัตติและไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น แจ้งการลงพรหมทัณฑ์แก่ภิกษุ 

๒. ญัตติกรรม (ยัด-ติ-กำ) กรรมที่ทำเพียงตั้งญัตติไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น อุโบสถและปวารณา 

๓. ญัตติทุติยกรรม (ยัด-ติ-ทุ-ติ-ยะ-กำ) กรรมที่ทำด้วยตั้งญัตติแล้วสวดอนุสาวนาหนหนึ่ง เช่น สมมติสีมา ให้ผ้ากฐิน 

๔. ญัตติจตุตถกรรม (ยัด-ติ-จะ-ตุด-ถะ-กำ) กรรมที่ทำด้วยการตั้งญัตติแล้วสวดอนุสาวนา ๓ หน เช่น อุปสมบท ให้ปริวาส ให้มานัต

…………………………………………………

ที่แสดงมานี้คือ “สังฆกิจ” หรือ “กิจของสงฆ์” โดยความหมายทางพระวินัย

แต่คำว่า “กิจของสงฆ์” ตามความเข้าใจของชาวบ้านทั่วไป มักใช้ในความหมายเชิงปฏิเสธ เช่น “ไม่ใช่กิจของสงฆ์” หรือในเชิงสงสัย เช่น “ทำอย่างนี้ใช่กิจของสงฆ์หรือ?

สังฆกิจ” หรือ “กิจของสงฆ์” ตามความหมายของชาวบ้านนี้ จะเป็นที่เข้าใจชัดเจนขึ้นถ้าชาวบ้านรู้ชัดว่า อะไรบ้างที่มีพุทธบัญญัติ (รวมทั้งข้อกำหนดของทางบ้านเมือง) สำหรับภิกษุว่า “ห้ามทำ” หรือ “ต้องทำ”

ต่อไปนี้จะขอยก “กิจของสงฆ์” ตามความหมายของชาวบ้านมาให้พิจารณาเท่าที่จะระลึกได้

………………………

ข้อแรกสุดที่ควรพิจารณาคือ “สิกขา” ๒ อย่าง อันได้แก่ อภิสมาจาริกาสิกขา และ อาทิพรหมจริยกาสิกขา (จตุกนิบาต อังคุตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่ม ๒๑ ข้อ ๒๔๕)

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต สรุปความไว้ว่า –

…………………………………………………

อภิสมาจาริกาสิกขา : หลักการศึกษาอบรมในฝ่ายขนบธรรมเนียมที่จะชักนำความประพฤติ ความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ให้ดีงามมีคุณยิ่งขึ้นไป, สิกขาฝ่ายอภิสมาจาร; เทียบ อาทิพรหมจริยกาสิกขา.

อาทิพรหมจริยกาสิกขา : หลักการศึกษาอบรมในฝ่ายบทบัญญัติหรือข้อปฏิบัติเบื้องต้นของพรหมจรรย์ สำหรับป้องกันความประพฤติเสียหาย, ข้อศึกษาที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ หมายถึง สิกขาบท ๒๒๗ ที่มาในพระปาฏิโมกข์.

…………………………………………………

อภิสมาจาริกาสิกขา เรียกสั้น ๆ ว่า อภิสมาจาร คือส่วนที่ท่านให้ทำ เพราะเป็น “กิจของสงฆ์” 

อาทิพรหมจริยกาสิกขา เรียกสั้น ๆ ว่า อาทิพรหมจรรย์ คือส่วนที่ท่านห้ามไม่ให้ทำ เพราะ “ไม่ใช่กิจของสงฆ์” 

สิกขา ๒ นี้ ท่านยกเฉพาะข้อที่สำคัญที่สุดขึ้นมาสอนตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เข้ามาบวช ที่เรียกกันว่า “บอกอนุศาสน์” 

ส่วนที่เป็นกิจของสงฆ์ท่านเรียกว่า “นิสสัย” มี ๔ ข้อ คือ –

…………………………………………………

(๑) ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ  นิสฺสาย  ปพฺพชฺชา  

วิถีชีวิตสงฆ์อาศัยคำข้าวอันหาได้ด้วยกำลังปลีแข้งเป็นอาหาร 

(๒) ปํสุกูลจีวรํ  นิสฺสาย  ปพฺพชฺชา  

วิถีชีวิตสงฆ์อาศัยบังสุกุลจีวรเป็นเครื่องนุ่งห่ม 

(๓) รุกฺขมูลเสนาสนํ  นิสฺสาย  ปพฺพชฺชา  

วิถีชีวิตสงฆ์อาศัยโคนไม้เป็นที่พักอาศัย

(๔) ปูติมุตฺตเภสชฺชํ  นิสฺสาย  ปพฺพชฺชา  

วิถีชีวิตสงฆ์อาศัยมูตรเน่าเป็นยารักษาโรค 

ที่มา: คัมภีร์มหาขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑

พระไตรปิฎกเล่ม ๔ ข้อ ๑๔๓

…………………………………………………

สรุปสั้น ๆ กิจของสงฆ์คือ –

๑. เที่ยวบิณฑบาต 

๒. นุ่งห่มผ้าบังสุกุล 

๓. อยู่โคนไม้ 

๔. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า 

ส่วนที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ท่านเรียกว่า “อกรณียกิจ” มี ๔ ข้อ คือ –

…………………………………………………

(๑) เมถุโน  ธมฺโม  น  ปฏิเสวิตพฺโพ  อนฺตมโส  ติรจฺฉานคตายปิ

ห้ามเสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย

(๒) อทินฺนํ  เถยฺยสงฺขาตํ  น  อาทาตพฺพํ  อนฺตมโส  ติณสลากํ  อุปาทาย

ห้ามถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย โดยที่สุดกระทั่งหญ้าเส้นหนึ่ง

(๓) สญฺจิจฺจ  ปาโณ  ชีวิตา  น  โวโรเปตพฺโพ  อนฺตมโส  กุนฺถกิปิลฺลิกํ  อุปาทาย  

ห้ามจงใจปลงสัตว์มีลมปราณจากชีวิต โดยที่สุดกระทั่งมดดำมดแดง

(๔) อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม  น  อุลฺลปิตพฺโพ  อนฺตมโส  สุญฺญาคาเร  อภิรมามีติ 

ห้ามอวดอุตริมนุสธรรม โดยที่สุดพูดว่าข้าพเจ้าชอบอยู่ในที่สงบสงัด

ที่มา: คัมภีร์มหาขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑

พระไตรปิฎกเล่ม ๔ ข้อ ๑๔๔

…………………………………………………

สรุปสั้น ๆ สิ่งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์และห้ามทำเด็ดขาด คือ –

๑. เสพเมถุน 

๒. ลักของเขา 

๓. ฆ่าสัตว์ 

๔. อวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน

………………………

ข้อต่อไปที่ขอนำเสนอ คือ “อเนสนา”

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗

๑๗:๒๓

…………………………………………………

กิจของสงฆ์ (๑)

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/pfbid03KJkMz1V1oWA9wUe4iX1Nt3L9j5QbZzbWtE9vTJtRLrRGJQUjVGSNr773EJSdsWHl

…………………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้