บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

กิจของสงฆ์

กิจของสงฆ์ (๙)

————-

ถ้อยคำภาษา เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยส่องหรือส่อให้เห็นได้ว่า อะไรเป็นกิจของสงฆ์ อะไรไม่ใช่กิจของสงฆ์

ในภาษาไทยมีคำที่ขึ้นต้นด้วย “สมณ” หลายคำที่น่าศึกษา เช่น สมณเพศ สมณบริขาร สมณวิสัย สมณโวหาร สมณสารูป สมณบริโภค สมณสัญญา สมณธรรม

คำเหล่านี้บอกให้รู้ว่า เมื่อเข้ามาบวชเป็นพระแล้วต้องอยู่ในโลกของพระ มีอะไร ๆ ที่เป็นของพระโดยเฉพาะ จะมีอะไร ๆ และจะทำอะไร ๆ เหมือนชาวบ้านไม่ได้

ขอแถลงความหมายของแต่ละคำพอเป็นแนวทางแห่งการศึกษา 

………………………

สมณเพศ: คือรูปลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่าเป็นพระ เช่น ปลงผม โกนหนวด นุ่งสบงทรงจีวร ถ้าผมยาว หนวดเครารุงรัง เครื่องแต่งกายไม่ใช่สบงจีวร ปรากฏตัวในรูปลักษณ์อย่างนี้เป็นนิตย์ ก็บอกให้รู้ว่าไม่ใช่พระในพระพุทธศาสนา-โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาเถรวาท

………………………

สมณบริขาร: เครื่องใช้ที่จำเป็นประจำตัวพระ ตามระเบียบแห่งพระธรรมวินัยคือบริขาร ๘ อย่าง (สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม ประคดเอว กระบอกกรองน้ำ) ถ้ามีเกินจากนี้ก็ต้องอธิบายเหตุผลได้ว่าจำเป็นอย่างไรจึงต้องมี ถ้าไม่มี จะทำให้สูญเสียความเป็นพระหรือไม่ หรือเพียงแต่หาเหตุผลมาอธิบายเอาเองว่าจำเป็น เช่น โลกเปลี่ยนไป ถ้าไม่มีก็อยู่กับโลกไม่ได้ ซึ่งก็จะต้องถกเถียงกันต่อไปอีกว่า เป้าหมายของพระคือจะอยู่กับโลกหรือว่าจะปลีกตัวออกไปให้พ้นจากอิทธิพลของโลก ถ้าจะอยู่กับโลก จะต้องบวชทำไม เพราะเป็นชาวบ้านก็อยู่กับโลกได้อยู่แล้ว ฯลฯ จะเห็นได้ว่าต้องหาเหตุผลมาอธิบายกันอีกมาก ไม่ใช่ว่าคิดเอาเองง่าย ๆ

………………………

สมณวิสัย: มีความหมาย ๒ นัย คือ –

(๑) โลกของสมณะ คือการครองชีวิตตามแบบของนักบวช หรือกรอบขอบเขตที่นักบวชจะพึงประพฤติปฏิบัติหรือไม่ควรประพฤติปฏิบัติ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎหรือหลักการที่ศาสนานั้น ๆ กำหนดไว้ ถ้าปฏิบัติตามกรอบก็เรียกว่า อยู่ในสมณวิสัย ถ้าออกนอกกรอบ คือทำสิ่งที่สมณะไม่พึงทำ ก็เรียกว่า ผิดสมณวิสัย

(๒) ความสำนึกว่าเป็นสมณะ คือความรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ ถ้ามีความรู้สึกตัวดังนี้ก็เรียกว่า มีสมณวิสัย (ความหมายตามนัยนี้ใกล้เคียงกับ สมณสัญญา)

………………………

สมณโวหาร: คือถ้อยคำภาษาที่พระจะต้องใช้หรือใช้กับพระ ยกตัวอย่างคำเดียว “กิน” เป็นคำที่ใช้กับชาวบ้าน ถ้าใช้กับพระต้องเรียกว่า “ฉัน” ทฤษฎีที่ว่า ภาษาเป็นสิ่งสมมุติ ใช้คำอะไรก็ได้ให้สื่อความหมายได้ตรงกันก็ถือว่าถูกต้อง-ทฤษฎีแบบนี้ต้องทิ้งไว้ก่อน จะเอามาจับสมณโวหารไม่ได้ พูดว่า “พระกินข้าว” เข้าใจได้ตรงกันตามสมมุติ แต่ผิดสมณโวหาร

………………………

สมณสารูป: ในคัมภีร์อังคุตรนิกาย ทสกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม ๒๔ ข้อ ๔๘ แสดงหลักธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนือง ๆ ๑๐ ข้อ มีที่เกี่ยวกับ “สมณสารูป” ดังนี้

– บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ = ชาวบ้านทำได้ แต่พระทำ ไม่งาม

– อาการกายวาจาอย่างอื่นที่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ ยังมีอยู่อีก ไม่ใช่เพียงเท่านี้ = ยังต้องทำตัวให้ดีกว่านี้

– ตัวของเราเอง ติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ = ตำหนิตัวเองได้หรือไม่

– ผู้รู้ใคร่ครวญแล้ว ติเตียนเราโดยศีลได้หรือไม่ = สังคมตำหนิหรือไม่

สรุปว่า “สมณสารูป” จะเกิดได้ (๑) สมณะต้องเตือนตัวเอง และ (๒) ฟังเสียงชาวบ้านเตือน 

………………………

สมณบริโภค: ดังคำในคำปวารณาว่า “สิ่งหนึ่งสิ่งใดอันสมควรแก่สมณบริโภค” คือของที่พระฉันได้ใช้ได้ ส่องให้เห็นว่ามีของที่พระฉันไม่ได้ใช้ไม่ได้เพราะผิดวินัยพระ สิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณบริโภคนั่นแหละจัดเข้าในฝ่าย-ไม่ใช่กิจของสงฆ์

………………………

สมณสัญญา: ความกำหนดใจไว้ว่าตนเป็นสมณะ หรือความสำนึกในความเป็นสมณะของตน

หนังสือแบบประกอบนักธรรมชั้นตรีเล่มหนึ่ง กล่าวไว้ดังนี้ –

…………………………………………………

… เพศของภิกษุเป็นอุดมเพศ คือเพศที่สูง เป็นที่เคารพบูชาของคฤหัสถ์ ถ้าภิกษุยังเป็นคนเอิกเกริกเฮฮาก็ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเคารพบูชา เพราะกิริยาเช่นนั้นไม่แตกต่างอะไรกับคฤหัสถ์ ไม่สมควรแก่เพศบรรพชิตหรือสมณะเลย เพราะไม่เป็นไปเพื่อสละคืนคลายกิเลสราคะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อย กลับทำกิเลสราคะให้มากขึ้น เพิ่มความน่ารังเกียจให้มากขึ้น ไม่น่าเคารพกราบไหว้บูชาเลย ฉะนั้น ภิกษุ (หรือสามเณร) ต้องเป็นคนไม่เอิกเกริกเฮฮา มีความสำรวมกาย – วาจา มีสมณสัญญา สงบเสงี่ยมอยู่เสมอ จึงจะสมกับอุดมเพศที่เคารพอย่างสูง …

ที่มา: อธิบายธรรมวิภาคปริเฉทที่ ๑ พระศรีวิสุทธิญาณ (อุบล นนฺทโก ป.ธ.๙) วัดบวรนิเวศวิหาร หน้า ๑๔๒

…………………………………………………

สมณธรรม: คือคุณเครื่องความเป็นสมณะ 

คุณเครื่องความเป็นสมณะ คือ

– หน้าที่ต่าง ๆ ที่ผู้เป็นสมณะจะต้องประพฤติปฏิบัติ 

– ถ้าชี้เฉพาะที่เห็นเป็นรูปธรรมก็เช่น-การเจริญพระกรรมฐานหรือปฏิบัติจิตภาวนา 

– คุณธรรมที่สมณะพึงปฏิบัติบำเพ็ญให้มีขึ้นในตน 

– คุณธรรมที่สมณะพึงได้พึงมี 

– คุณธรรมที่สมณะพึงบรรลุถึง เช่นมรรคผลนิพพาน 

หมายความว่า ไม่ใช่มีเฉพาะเพศสมณะอย่างเดียว แต่มีธรรมของสมณะอยู่ในเพศที่ครองนั้นด้วย

ธรรมทั้งปวงของสมณะที่มีอยู่ในตนนั่นแหละ คือ “สมณธรรม”

………………………

อีกคำหนึ่งที่ไม่มีใครนึกถึง คือ “สามัญญะ” ซึ่งแปลว่า “ความเป็นสมณะ” (สมณสฺส ภาโว = สามญฺญ)

ครองความเป็นสมณะอยู่ อะไรที่ไม่ใช่กิจของสมณะ แต่ไปทำเข้า ผลจะเป็นอย่างไร มีพระพุทธพจน์ตรัสไว้ดังนี้ –

…………………………………………………

กุโส ยถา ทุคฺคหิโต

หตฺถเมวานุกนฺตติ

สามญฺญํ ทุปฺปรามฏฺฐํ

นิรยายูปกฑฺฒติ ฯ

หญ้าคาที่จับไม่ดี 

ย่อมบาดมือได้ ฉันใด 

ความเป็นสมณะที่ประพฤติไม่ดี 

ย่อมลากลงสู่นรกได้ ฉันนั้น

ที่มา: 

– ตายนสูตร สังยุตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๕ ข้อ ๒๓๙, ๒๔๐

– นิรยวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๓๒

…………………………………………………

มองผ่านถ้อยคำภาษาเหล่านี้ อาจช่วยให้เห็นได้ว่า กิจของสงฆ์หรือไม่ใช่กิจของสงฆ์วัดกันที่ไหน

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา

๓ กันยายน ๒๕๖๗

๑๘:๕๐

…………………………………………………

กิจของสงฆ์ (๙)

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/pfbid0ENA2Spq6vQB3CwphPcbhJ1JboYEnHSwwamnoRQocsp92Cw6wJeZjn6paZptFU8uNl

…………………………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้