อนธิวร (บาลีวันละคำ 4,868)

อนธิวร
คำที่ไม่ควรมีปัญหา-ถ้าเข้าใจเจตนาให้ตรงกัน
“อนธิวร” อ่านตามแบบไทยว่า อะ-นะ-ทิ-วอน
อ่านตามแบบบาลีว่า อะ-นะ-ทิ-วะ-ระ แยกศัพท์ตามหลักภาษาเป็น น + อธิ + วร
(๑) “น”
บาลีอ่านว่า นะ เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ
นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “น ไม่ โน ไม่ มา อย่า ว เทียว” (น [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, ว [วะ] = เทียว)
“น” เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
(๒) “อธิ”
เป็นคำอุปสรรค (คำที่ใช้ประกอบข้างหน้าคำนามหรือกริยาให้มีความหมายยักเยื้องออกไป) นักเรียนบาลีแปลกันว่า ยิ่ง, ใหญ่, ทับ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความหมายไว้ว่า –
(1) บอกทิศทาง, จุดหมาย = จนถึง, เหนือ, ไปยัง, บน (up to, over, toward, to, on)
(2) บอกสถานที่ = บนยอด, ข้างบน, เหนือ, บน (on top of, above, over)
(๓) “วร”
บาลีอ่านว่า วะ-ระ รากศัพท์มาจาก วรฺ (ธาต = ปรารถนา) + อ (อะ) ปัจจัย
: วรฺ + อ = วร แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะอันบุคคลปรารถนา” เป็นคำวิเศษณ์ แปลว่า ประเสริฐ, วิเศษ, เลิศ, อริยะ (excellent, splendid, best, noble) เป็นคำนาม (ปุงลิงค์; นปุงสกลิงค์) แปลว่า ความปรารถนา, พร, ความกรุณา (wish, boon, favour)
ในภาษาไทย “วร” คงใช้เป็น “วร” ก็มี แปลง ว เป็น พ ตามหลักนิยมของไทยเป็น “พร” ก็มี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “วร” และ “พร” บอกไว้ว่า –
(1) วร– [วะระ-, วอระ-] : (คำนาม) พร; ของขวัญ. (คำวิเศษณ์) ยอดเยี่ยม, ประเสริฐ, เลิศ. (ป., ส.).
(2) พร [พอน] : (คำนาม) คำแสดงความปรารถนาให้ประสบสิ่งที่เป็นสิริมงคล เช่น ให้พร ถวายพระพร, สิ่งที่ขอเลือกเอาตามประสงค์ เช่น ขอพร. (ป. วร).
ขยายความแทรก :
เป็นที่รู้กันในหมู่คนไทยที่รู้หลักภาษาบาลีว่า ในภาษาบาลี คำขยายหรือที่เรียกเป็นคำศัพท์ว่า “คำวิเศษณ์” (ไวยากรณ์บาลีเรียก “วิเสสนะ”) ต้องอยู่ข้างหน้าคำที่ถูกขยาย (ภาษาไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “วิเสสนบุพบท” = บทที่มีคำขยายอยู่หน้า) เช่นคำว่า “วร” เป็นคำวิเศษณ์ ก็อยู่ข้างหน้าคำนามที่ถูกขยาย เช่น –
วรชายา = ภรรยาที่ประเสริฐ
วรดนู = หญิงที่ประเสริฐ คือหญิงงาม
วรปัญญ์ = ผู้มีปัญญาเลิศ
วราวุธ = อาวุธอย่างประเสริฐ
แต่หลักที่คนส่วนมากไม่ทราบก็คือ คำขยายในภาษาบาลีที่อยู่หลังคำที่ถูกขยาย (ตรงกันข้ามกับที่เข้าใจกัน) ก็มี โดยเฉพาะคำว่า “วร” ที่อยู่หลังคำที่ถูกขยายก็อย่างเช่น –
ชินวร = พระชินเจ้าผู้ประเสริฐ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้า (the noble victor) คำนี้คือที่เราใช้ในภาษาไทยและอ่านว่า ชิน-นะ-วอน
ธมฺมวร = ธรรมอันประเสริฐ (the best norm)
นครวร = อริยนคร (the noble city)
รตนวร = แก้วอันเลิศ (the best of gems)
ราชวร = พระราชาที่มีพระนามกระเดื่อง (famous king)
ลักษณะเช่นนี้ภาษาไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “วิเสสนุตรบท” = บทที่มีคำขยายอยู่หลัง โดยเฉพาะบทที่มีคำว่า “วร” เป็นคำขยายอยู่หลังเช่นนี้จะพบได้ทั่วไปในคัมภีร์บาลี
การประสมคำ :
๑ อธิ + วร = อธิวร (อะ-ทิ-วะ-ระ) แปลว่า “ผู้ยิ่งกว่า” “ผู้ประเสริฐกว่า” หมายถึง ดีเลิศ, ยอดเยี่ยม, ไม่มีตัวจับ (superb, excellent, surpassing)
๒ น + อธิวร
ตามกฎไวยากรณ์บาลี :
(1) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อ” (อะ)
(2) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยสระ คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อน” (อะ-นะ)
ในที่นี้ “อธิวร” ขึ้นต้นด้วยสระ ดังนั้นจึงต้องแปลง “น” เป็น “อน”
: น + อธิวร = นอธิวร > อนธิวร (อะ-นะ-ทิ-วะ-ระ) แปลว่า (1) “ผู้ไม่มีใครยิ่งกว่า” (2) “ผู้ไม่มีผู้ยิงกว่านั้น” (3) “ผู้ไม่มีผู้ประเสริฐกว่า” หมายถึง ไม่มีตัวจับ, ไม่มีใครเทียบ (unsurpassed, unrivalled)
“อนธิวร” เป็นคุณบทพระนามของพระพุทธเจ้า
“อนธิวร” = พระพุทธเจ้า
อภิปรายขยายความ :
คำว่า “อนธิวร” ใช้ในที่ทั่วไปคัมภีร์ในบาลีไม่มีปัญหา แต่มีอยู่แห่งหนึ่งในคำอาราธนาธรรม คือ –
…………..
พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ
กตญฺชลี อนธิวรํ อยาจถ
สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา
เทเสตุ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปชํ.
(พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ
กะตัญชะลี อะนะธิวะรัง อะยาจะถะ
สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา
เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง.)
…………..
คำว่า “อนธิวรํ” (อะ-นะ-ทิ-วะ-รัง) ในคำอาราธนาธรรมนี้ เมื่อสวดเป็นทำนองสรภัญญะ ผู้สวดที่รู้ทำนองจะออกเสียงเป็น อัน-ทิ-วะ-รัง เนื่องจากคำว่า อน– (อะ-นะ-) อยู่ในตำแหน่งที่ต้องเป็นคำครุ คือเสียงยาว 1 คำ แต่ อน– (อะ-นะ-) เป็นคำลหุ คือเสียงสั้น 2 คำ ทำให้ขัดข้องต่อจังหวะทำนองการสวด เมื่อออกเสียงเป็น -อัน- ก็เป็นคำครุ 1 คำตรงตามจังหวะทำนองของการสวด ทำให้สวดได้ราบรื่น
เมื่อออกเสียง “อนธิวรํ” เป็น อัน-ทิ-วะ-รัง เวลาสะกดคำเป็นตัวหนังสือก็จึงสะกดเป็น “อนฺธิวรํ” (มีจุดใต้ นฺ) หรือสะกดแบบบาลีไทยเป็น “อันธิวะรัง” ไปด้วย
รูปคำ “อนฺธิ-” หรือ “อันธิ-” ไปพ้องกับคำว่า “อนฺธ” ที่แปลว่า มืด บอด ก็เกิดเป็นปัญหา กล่าวคือ ผู้ที่เคร่งครัดกับคำศัพท์ ก็ทักท้วง หรือถึงกับตำหนิ ว่าใช้คำผิด คำที่หมายถึง พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ กลายเป็น พระพุทธเจ้าผู้มืดบอด อย่างนี้ใช้ไม่ได้
ความจริง ว่าตามเจตนาแล้ว ผู้สวดทำนองสรภัญญะไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย ความประสงค์มีเพียงออกเสียงให้ตรงกับจังหวะทำนองของการสวดสรภัญญะเท่านั้น และการเขียนคำนี้เป็น “อนฺธิวรํ” (มีจุดใต้ นฺ) หรือสะกดแบบบาลีไทยเป็น “อันธิวะรัง” ก็มีเจตนาจะให้ผู้สวดออกเสียงให้ถูกจังหวะทำนองการสวดคำนี้และใช้เฉพาะในการออกเสียงสวดเท่านั้น เมื่อใช้ในที่อื่นและจะแปลความหมาย คำนี้ก็ยังคงเป็น “อนธิวรํ” (อะ-นะ-ทิ-วะ-รัง) และแปลว่า พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ อยู่นั่นเอง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เห็นตาม ก็ไม่แน่ว่าจะถูก
: เห็นต่าง ก็ยังไม่แน่ว่าจะถูก
: เห็นตรง จึงจะถูก
#บาลีวันละคำ (4,868)
10-10-68
…………………………….
…………………………….
