ปัจจัตตังเว (บาลีวันละคำ 1,265)
ปัจจัตตังเว
อ่านว่า ปัด-จัด-ตัง-เว
ประกอบด้วย ปัจจัตตัง + เว
(๑) “ปัจจัตตัง”
บาลีเป็น “ปจฺจตฺตํ” อ่านว่า ปัด-จัด-ตัง
ประกอบด้วย ปจฺจ (เฉพาะ) + อตฺตํ (ตน)
ขั้นที่ ๑
“ปจฺจ” รูปเดิมคือ ปฏิ
สูตรทางไวยากรณ์คือ :
(1) แปลง ฏ เป็น ต = ปฏิ > ปติ
(2) แปลง อิ เป็น ย = ปติ > ปตฺย
(3) แปลง ตฺย เป็น จฺจ = ปตฺย > ปจฺจ
หรือสูตรสั้นๆ ว่า “แปลง ปฏิ เป็น ปจฺจ”
ขั้นที่ ๒
“อตฺตํ” (อัด-ตัง) รูปเดิมเป็น “อตฺต” (อัด-ตะ) มาจากรากศัพท์ดังนี้ :
(1) อตฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไปต่อเนื่อง) + ต ปัจจัย
: อตฺ + ต = อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
1) “ผู้ทำให้ชีวิตดำเนินต่อเนื่องไปได้” (คือเมื่ออัตตายังมีอยู่ ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปได้)
2) “ผู้ถึงทุกข์ต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็มีทุกข์เข้ามาอย่างไม่รู้จบ)
3) “ผู้เป็นไปเพื่ออาพาธต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็ยังต้องเจ็บป่วย ถูกบีบคั้นด้วยโรคภัยไม่รู้จบ)
(2) อทฺ (ธาตุ = กิน) + ต ปัจจัย, แปลง ท เป็น ต
: อทฺ + ต = อทต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
1) “ผู้เสวยสุขและทุกข์” (คือต้องพบทั้งสุขและทุกข์ควบคู่กันไป จะเลือกเสวยแต่สุขอย่างเดียวหาได้ไม่)
2) “ผู้ถูกกิน” (คือถูกความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายมันกินเอา)
(3) อา (แทนศัพท์ว่า “อาหิต” = ตั้งลง, หยั่งลง) + ธา (ธาตุ = ทรงไว้) + ต ปัจจัย, ลบ อา ที่ อา (อา > อ) และ อา ที่ ธา (ธา > ธ) , แปลง ธฺ เป็น ตฺ
: อา + ธา = อาธา + ต = อาธาต > อธาต > อธต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เป็นที่ตั้งแห่งความถือตัวว่าเป็นเรา” (เพราะมีอัตตา จึงมีการยึดถือว่าตัวกูของกู)
“อตฺต” แปลตามที่เข้าใจกันคือ “ตัวตน” (self, soul) หมายถึง ตัว, ตน, ตัวตน, ร่างกาย, จิตใจ
“อตฺต” เรามักคุ้นในรูป “อตฺตา” ซึ่งเป็นรูปที่แจกด้วยวิภัตติที่หนึ่ง
ในที่นี้ อตฺต แจกด้วยวิภัตติที่สองเป็น อตฺตํ เนื่องจากอยู่ในฐานะเป็นกริยาวิเศษณ์
ขั้นที่ ๓
ปจฺจ + อตฺต = ปจฺจตฺต > ปจฺจตฺตํ > ปัจจัตตัง
(1) ใช้เป็นคุณศัพท์ (adj.) แปลว่า แยกกัน, แต่ละคน (separate, individual)
(2) ใช้เป็นกริยาวิเศษณ์ (adv.) แปลว่า ต่างหากจากกัน, แต่ละคน, เดี่ยวๆ, โดยตนเอง, ในใจเขาเอง (separately, individually, singly, by himself, in his own heart)
ปจฺจตฺตํ > ปัจจัตตัง นักเรียนบาลีแปลกันโดยทั่วไปว่า “เฉพาะตัว” ความหมายเดียวกับที่เราพูดกัน เช่น “ความสามารถเฉพาะตัว”
(๒) “เว”
เป็นคำที่ตัดมาจากคำเต็มว่า “เวทิตัพพะ” เขียนแบบบาลีเป็น “เวทิตพฺพ”
รากศัพท์มาจาก วิทฺ (ธาตุ = รู้) + อิ อาคม + ตพฺพ ปัจจัย (แปลว่า “พึง, ควร”), แผลง อิ ที่ วิ-(ทฺ) เป็น เอ (วิทฺ > เวท)
: วิทฺ + อิ + ตพฺพ = วิทิตพฺพ > เวทิตพฺพ แปลว่า “อัน-พึงรู้” “อัน-ควรรู้” = อันจะพึงรู้ได้
“ปัจจัตตังเว” เป็นคำที่มาจากข้อความอันเป็นพระธรรมคุณท่อนสุดท้าย คือ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ (ปัด-จัด-ตัง / เว-ทิ-ตับ-โพ / วิน-ยู-หิ)
แปลยกศัพท์ว่า –
(ธมฺโม = อันว่าพระธรรม)
วิญฺญูหิ = อันผู้รู้ทั้งหลาย
เวทิตพฺโพ = จะพึงรูได้
ปจฺจตฺตํ = เฉพาะตน
บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ) คือ อิติปิ โส ภควา ฯเปฯ โลกสฺสาติ เป็นบทที่ชาวพุทธสวดได้คุ้นปาก เฉพาะบทพระธรรมคุณท่อนสุดท้าย “ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหีติ” คำว่า “เวทิตพฺโพ” ตัดมาเฉพาะ “เว-” พยางค์เดียว รวมกับ “ปจฺจตฺตํ” เป็น “ปจฺจตฺตํ เว” กลายเป็นคำพูดติดปาก ทำนองเดียวกับ :
“ปฏิสังขาโย” ตัดมาจาก ปฏิสังขา โยนิโส …
“ภวตุสัพ” ตัดมาจาก ภวตุ สัพพะมังคะลัง …
“สัพพโร” ตัดมาจาก สัพพะโรคะวินิมุตโต …
และ –
“ปัจจัตตังเว” ตัดมาจาก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ …
พระธรรมคือพุทธศาสนา :
จะมีคนรู้ค่าสักแค่ไหน
จะรอรู้ว่ารักประจักษ์ใจ
ต่อเมื่อสูญสิ้นไปกระนั้นฤๅ
————
(หยิบฉวยมาโดยวิสาสะจากข้อความตอนหนึ่งในความคิดเห็นของคุณหมอ แผน สิทธิ์ธีราห์)
15-11-58