บรมมังคลานุสรณีย์ (บาลีวันละคำ 1,468)
บรมมังคลานุสรณีย์
อ่านว่า บอ-รม-มัง-คะ-ลา-นุด-สะ-ระ-นี
ประกอบด้วย บรม + มังคล + อนุสรณีย์
(๑) “บรม”
บาลีเป็น “ปรม” (ปะ-ระ-มะ) รากศัพท์มาจาก –
(1) ปร (ข้าศึก) + มรฺ (ธาตุ = ตาย) + กฺวิ ปัจจัย, ลบที่สุดธาตุ (มรฺ > ม) และลบปัจจัย
: ปร + มรฺ + กฺวิ = ปรมรกฺวิ > ปรมร > ปรม แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังธรรมอันเป็นข้าศึกให้ตาย”
(2) ป (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ
: ป + รมฺ = ปรมฺ + ณ = ปรมณ > ปรม แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ยินดีในความยิ่งใหญ่”
(3) ปรฺ (ธาตุ = รักษา) + ม ปัจจัย
: ปรฺ + ม = ปรม แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่รักษาความสูงสุดของตนไว้ได้”
หมายเหตุ: “ปรม” ยังมีรากศัพท์และแปลอย่างอื่นอีกหลายความหมาย
“ปรม” หมายถึง สูงสุด, พิเศษสุด, เป็นเลิศ, ดีที่สุด (highest, most excellent, superior, best)
“ปรม” ภาษาไทยใช้ว่า “บรม” (บอ-รม) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บรม, บรม– : (คำวิเศษณ์) อย่างยิ่ง, ที่สุด, (มักใช้นําหน้าคําที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระเจ้าแผ่นดิน และพระอัครมเหสี เป็นต้น เพื่อแสดงพระเกียรติยศยิ่งใหญ่) เช่น บรมศาสดา บรมบพิตร บรมราชินี บรมมหาราชวัง. (ป., ส. ปรม); (ภาษาปาก) อย่างที่สุด เช่น ขี้เกียจบรม บรมขี้เกียจ”
“บรม” ในภาษาไทย บางบริบทชวนให้รู้สึกว่า มาก หรือมากมายหลายอย่าง
(๒) “มังคล”
บาลีเป็น “มงฺคล” (มัง-คะ-ละ) รากศัพท์มาจาก –
(1) มคิ (ธาตุ = ถึง, ไป, เป็นไป) + อล ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงนิคหิตเป็น งฺ (มคิ > มํคิ > มงฺคิ), ลบสระที่สุดธาตุ (มคิ > มค)
: มคิ > มํคิ > มํค > มงฺค + อล = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า (1) “เหตุที่ถึงความเจริญ” (2) “เหตุเป็นเครื่องถึงความบริสุทธิ์”
(2) มงฺค (บาป, ความชั่ว) + ลุ (ธาตุ = ตัด) + อ ปัจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ (ตามสูตรว่า “ลบสระหน้า” = ลุ > ล)
: มงฺค + ลุ = มงฺคลุ > มงฺคล + อ = มงฺคล แปลตามศัพท์ว่า “เหตุที่ตัดความชั่ว”
“มงฺคล” ในบาลีใช้ในความหมายว่า –
(1) มีฤกษ์งามยามดี, รุ่งเรือง, มีโชคดี, มีมหกรรมหรืองานฉลอง (auspicious, prosperous, lucky, festive)
(2) ลางดี, ศุภมงคล, งานรื่นเริง (good omen, auspices, festivity)
“มงฺคล” ในภาษาไทย โดยปกติใช้ว่า “มงคล” (มง-คน) พจน.54 บอกไว้ว่า –
“มงคล, มงคล– : (คำนาม) เหตุที่นํามาซึ่งความเจริญ เช่น มงคล ๓๘, สิ่งซึ่งถือว่าจะนำสิริและความเจริญมาสู่และป้องกันไม่ให้สิ่งที่เลวร้ายมากล้ำกราย, เรียกงานที่จัดให้มีขึ้นเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข เช่น งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ งานทำบุญวันเกิด ว่า งานมงคล; เรียกเครื่องรางของขลังที่เชื่อว่าจะนำความสุขความเจริญเป็นต้นมาให้ หรือป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ว่า วัตถุมงคล; สิ่งที่ทำเป็นวงด้วยด้ายเป็นต้นสำหรับสวมศีรษะเพื่อเป็นสิริมงคล นิยมใช้เฉพาะในเวลาชกมวยไทยหรือตีกระบี่กระบอง. (ป., ส.).”
ในที่นี้เป็นชื่อเฉพาะ สะกดเป็น “มังคล-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย)
(๓) “อนุสรณีย์”
บาลีเป็น “อนุสฺสรณีย” (อะ-นุด-สะ-ระ-นี-ยะ) รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = ตาม, เนืองๆ) + สรฺ (ธาตุ = ระลึก) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง น เป็น ณ (ยุ > อน > อณ) + อีย ปัจจัย, ซ้อน สฺ ระหว่าง อนุ + สรฺ
: อนุ + สฺ + สรฺ = อนุสฺสรฺ + ยุ > อน = อนุสฺสรน > อนุสฺสรณ แปลตามศัพท์ว่า “การระลึกถึงเนืองๆ” หมายถึง การอรุสรณ์, การระลึกถึง, ความทรงจำ (remembrance, memory, recollection)
: อนุสฺสรณ + อีย = อนุสฺสรณีย แปลตามศัพท์ว่า “อันเป็นที่ตั้งแห่งการระลึกถึงเนืองๆ”
ปรม + มงฺคล + อนุสฺสรณีย = ปรมมงฺคลานุสฺสรณีย > บรมมังคลานุสรณีย์ แปลตามศัพท์ว่า “– อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงเนืองๆ ซึ่งมงคลที่สูงสุด”
หมายเหตุ : ในภาษาไทย ตัด ส ตัวสะกดออกตัวหนึ่ง และไม่ต้องการออกเสียง ยะ จึงใส่ไม้ทัณฑฆาตที่ –ย : –สรณีย > –สรณีย์
………
“บรมมังคลานุสรณีย์” เป็นชื่อเรือนยอดที่สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา ดำริสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในวาระสำคัญหลายประการ กล่าวคือ –
(1) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี ในปี พ.ศ. 2559
(2) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 84 พรรษา ในปี พ.ศ. 2559
(3) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 5 รอบพระชันษาในปี พ.ศ. 2558
(4) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะทรงมีพระชันษา 60 ปี ในปี พ.ศ.2560
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเรือนยอดหลังนี้ว่า “เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์” อันมีความหมายว่า “สร้างในวาระสำคัญหลายประการ”
เรือนยอด “บรมมังคลานุสรณีย์” ตั้งอยู่ในบริเวณด้านทิศตะวันออกของพระนั่งอนันตสมาคม ในพระราชวังดุสิต
(ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/556541)
………
: อย่าเพียงแต่ระลึกถึงมงคลด้วยความชื่นชมยินดี
: แต่จงเร่งทำให้มงคลเกิดมีอยู่ในหัวใจ
—————
(ตามคำขอของ Ratana Burana)
9-6-59