จุลกฐิน (บาลีวันละคำ 877)
จุลกฐิน
“จุลกฐิน” ประกอบด้วย จุล + กฐิน = จุลกฐิน อ่านว่า จุน-ละ-กะ-ถิน
(๑) “จุล”
บาลีเป็น “จุลฺล” อ่านว่า จุน-ละ (แผลงเป็น “จูฬ” ก็มี) รากศัพท์มาจาก จิ (ธาตุ = สะสม) + ล ปัจจัย, แปลง อิ ที่ จิ เป็น อุ, ซ้อน ล
: จิ > จุ + ล = จุล + ล = จุลฺล แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันเขาสะสม” หมายถึง เล็ก, น้อย, บาง, ผอม
“จุลฺล” ในบาลีมิได้หมายถึงจำนวนหรือปริมาณน้อย แต่หมายถึงขนาดหรือระดับ
ถ้าดูคำแปลในพจนานุกรมบาลี-อังกฤษจะเข้าใจชัด คือ “จุลฺล” แปลว่า small, minor คำตรงข้ามก็คือ “มหา” หรือ great, major
“จุลฺล” ในบาลีมักใช้คู่กับ “มหา” เป็นชื่อคัมภีร์หรือชื่อพระสูตร เช่น จุลฺลวคฺค คู่กับ มหาวคฺค, จุลฺลนิทฺเทส คู่กับ มหานิทฺเทส กับใช้ประกอบชื่อบุคคลเพื่อแสดงถึงความแตกต่างเหมือนเป็นเอกลักษณ์ เช่น จุลลปันถก คู่กับ มหาปันถก
กรณีเป็นชื่อบุคคลนี้ถ้าเทียบในภาษาไทยพอให้เข้าใจง่ายแบบขำๆ ก็อย่างเช่น ตี๋เล็ก กับ ตี๋ใหญ่
ตี๋เล็ก คือ “จุลตี๋”
ตี๋ใหญ่ ก็คือ “มหาตี๋”
(๒) “กฐิน”
บาลีอ่านว่า กะ-ถิ-นะ ไทยอ่านว่า กะ-ถิน เป็นคำนาม แปลว่า “ไม้สะดึง” คือไม้แบบสำหรับขึงเพื่อตัดเย็บจีวร ถ้าเป็นคุณศัพท์ มีความหมายว่า แข็ง, แนบแน่น, ไม่คลอนแคลน, หนัก, หยาบกร้าน, โหดร้าย (ดูเพิ่มเติมที่ “กฐินสามัคคี (2)” #บาลีวันละคำ (876) 11-10-57)
ในที่นี้ “กฐิน” หมายถึงผ้าที่มีผู้ถวายแก่ภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบสามเดือนแล้วเพื่อผลัดเปลี่ยนจีวรชุดเดิม ทั้งนี้เป็นไปตามพุทธานุญาตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในพระวินัยปิฎก
จุลฺล + กฐิน = จุลฺลกฐิน ภาษาไทยตัด ล ออกตัวหนึ่ง เขียนว่า “จุลกฐิน”
“จุลกฐิน” รูปคำเป็นบาลี แต่ไม่พบคำนี้ในคัมภีร์ จึงเป็นบาลีแต่รูป ส่วนความหมายเป็นไทย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“จุลกฐิน : (คำนาม) เรียกพิธีทอดกฐินที่ต้องทําตั้งแต่ปั่นฝ้าย ทอ เย็บ ย้อมผ้ากฐิน และถวายสงฆ์ให้เสร็จในวันเดียว, โดยปริยายหมายความว่า งานที่ต้องทําอย่างชุลมุนวุ่นวายเพื่อให้เสร็จทันเวลาอันจํากัด.”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต อธิบายความหมายของคำว่า “จุลกฐิน” ไว้ดังนี้ –
จุลกฐิน : “กฐินน้อย”, “กฐินจิ๋ว”, กฐินวันเดียวเสร็จ, พิธีทำบุญทอดกฐินแบบหนึ่งที่ได้พัฒนาขึ้นมาในประเพณีไทย (บางถิ่นเรียกว่ากฐินแล่น) โดยมีกำหนดว่า ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ปั่นฝ้าย ทอ ตัด เย็บเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่ง (ตามปกติทำเป็นสบง คงเพราะเป็นผืนเล็กที่สุด ทันได้ง่าย) ย้อม และนำผ้ากฐินไปทอดถวายแก่พระสงฆ์ ให้ทันภายในวันเดียว (พระสงฆ์ได้รับแล้ว ก็จะทำการกรานกฐิน และอนุโมทนาเสร็จในวันนั้นตามธรรมดาของพระวินัย การทั้งหมดของทุกฝ่ายจึงเป็นอันเสร็จในวันเดียวกัน), เหตุที่นิยมทำและถือว่าเป็นบุญมาก คงเพราะต้องสำเร็จด้วยความสามัคคีของคนจำนวนมากที่ทำงานกันอย่างแข็งขันขมีขมันและประสานกันอย่างดียิ่ง; โดยปริยาย หมายถึงงานที่ต้องทำเร่งด่วนอย่างชุลมุนวุ่นวายเพื่อให้เสร็จทันเวลาอันจำกัด
สันนิษฐานความเป็นมา :
สาเหตุที่เกิดจุลกฐินผู้รู้ท่านสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเพราะมีวัดที่ไม่มีใครทอดกฐิน และเจ้าภาพรู้เข้าในวันสุดท้ายที่จะหมดเขตทอดกฐิน (วันสุดท้ายที่จะทอดกฐินได้คือวันกลางเดือน ๑๒ หรือวันลอยกระทง) เมื่อรู้เช่นนั้นก็มีศรัทธาประสงค์จะสงเคราะห์พระให้ได้รับอานิสงส์กฐิน จึงคิดอ่านทอดกฐินกันในเวลาอันจำกัดนั้น
สมัยโบราณต้องทอผ้าใช้กันเอง ผ้าไตรไม่มีขายดาษดื่นเหมือนเดี๋ยวนี้ จึงจำเป็นจะต้องรีบเก็บฝ้ายมาปั่นด้าย ทอผ้า ทำให้เสร็จในวันนั้น มิเช่นนั้นก็ทอดกฐินไม่ทัน
โดยนัยนี้ มีผู้ให้ความหมายคำว่า “จุล” ว่าหมายถึงมีเวลาน้อย จะแห่แหนและทำพิธีทอดให้สนุกสนานเอิกเกริกเต็มที่เหมือนกฐินปกติก็ทำไม่ทันเพราะใช้เวลาหมดไปกับการเตรียมผ้ากฐิน
และโดยนัยนี้เช่นกัน กฐินที่ทอดกันตามปกติจึงเรียกเต็มว่า “มหากฐิน” แต่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า “กฐิน” ก็เป็นที่เข้าใจกัน
จุลกฐิน เป็นการแสดงความสามัคคีและแสดงถึงบารมีของเจ้าภาพ ต้องมีคนช่วยกันเต็มที่ และต้องแบ่งหน้าที่กันทำในเวลาอันแสนจะจำกัด ถ้าวางแผนไม่เป็น คุมงานไม่เก่งจริงๆ แล้วเป็นทำไม่สำเร็จ
ข้อเสนอ :
ถ้าอยากจะสนุกในทางบุญ น่าจะมีใครคิดแข่งขันทำจุลกฐินกันบ้าง เป็นการทดสอบและพัฒนาฝีมือทอผ้าด้วย พิสูจน์บารมีและสามัคคีธรรมในการทำความดีด้วย ได้บุญด้วย – ขออนุโมทนาสาธุล่วงหน้า
: แข่งกันทำความดี ไม่มีแพ้
: มีแต่ชนะทุกสถาน
————–
(ตามคำขอของ สุดที่รัก มายเดียร์)
#บาลีวันละคำ (877)
12-10-57