สมุหนายก (บาลีวันละคำ 2,105)
สมุหนายก
อ่านว่า สะ-หฺมุ-หะ-นา-ยก
ประกอบด้วยคำว่า สมุห + นายก
(๑) “สมุห”
บาลีเป็น “สมูห” (สะ-มู-หะ) รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค ในที่นี้ใช้ในความหมายว่า “สมฺมา” = ถูกต้อง, “วิเสส” = พิเศษ, “สม” = เสมอกัน, พร้อมกัน) + อูหฺ (ธาตุ = นับ; ตั้งอยู่; รู้) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น ม (สํ > สม)
: สํ > สม + อูหฺ = สมูหฺ + ณ = สมูหณ > สมูห แปลตามศัพท์ว่า (1) “หมู่ที่นับกันโดยชอบและโดยพิเศษ” (2) “หมู่ที่ดำรงอยู่กับส่วนย่อย” (3) “หมู่อันเขารู้กันดีว่าเป็นส่วนเดียวกัน”
“สมูห” (ปุงลิงค์) หมายถึง กอง กลุ่ม, การรวมกัน (multitude, mass, aggregation)
บาลี “สมูห” ในภาษาไทยใช้เป็น “สมุห-” (อ่านว่า สะ-หฺมุ-หะ- เมื่อมีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) และ “สมุห์” (อ่านว่า สะ-หฺมุ)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมุห-, สมุห์ : (คำนาม) หมู่, กอง, พวก. (ป.; ส. สมูห); หัวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ เช่น สมุหพระราชพิธี สมุหราชองครักษ์ สมุห์บัญชี; ตําแหน่งพระฐานานุกรมเหนือใบฎีกา เช่น พระสมุห์ พระครูสมุห์.”
ข้อสังเกต :
ความหมายว่า หมู่, กอง, พวก เป็นความหมายเดิมตามภาษาบาลี
ความหมายว่า หัวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ และตําแหน่งพระฐานานุกรม เป็นความหมายที่กลายมาในภาษาไทย
(๒) “นายก”
บาลีอ่านว่า นา-ยะ-กะ รากศัพท์มาจาก นี (ธาตุ = นำไป) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลง อี ที่ นี เป็น เอ แปลง เอ เป็น อาย (นี > เน > นาย), แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ)
: นี > เน > นาย + ณฺวุ > อก : นาย + อก = นายก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้นำ”
คำว่า “นายก” ความหมายทั่วไปคือ ผู้นํา, ผู้เป็นหัวหน้า, ผู้นำทาง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นายก” ว่า a leader, guide, lord (ผู้นำ, ผู้นำทาง, ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่)
คำว่า “นายก” ในบาลี ถ้าเป็นคุณนามของพระพุทธเจ้า มีความหมายเฉพาะว่า “ผู้นำสัตวโลกออกจากห้วงน้ำคือสังสารวัฏไปสู่ฝั่งพระนิพพาน”
หากประยุกต์ใช้กับผู้นำสังคม “นายก” ก็ควรมีความหมายว่า “ผู้นำปวงชนในความรับผิดชอบออกจากความเดือดร้อนไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข”
สมูห + นายก = สมูหนายก (สะ-มู-หะ-นา-ยะ-กะ) แปลอิงความหมายในภาษาไทยว่า “ผู้เป็นที่รวมแห่งผู้นำ” หมายถึงเป็นหัวหน้าของบรรดาผู้นำ
สมูหนายก > สมุหนายก
แต่พึงทราบว่า คำว่า “สมุหนายก” เป็นคำไทยที่เพียงแต่เอาคำบาลีมาปรุงรูปขึ้นแล้วให้ความหมายแบบไทยเท่านั้น ในภาษาบาลีไม่มีคำที่ใช้ควบกันตามรูปนี้ตรงๆ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมุหนายก : (คำโบราณ) (คำนาม) ตำแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือน ดูแลรับผิดชอบและเป็นประธานที่ประชุมเสนาบดีของฝ่ายพลเรือน รวมทั้งการปกครองและการยุติธรรมในหัวเมืองฝ่ายเหนือ.”
ขยายความ :
การปกครองสมัยกรุงศรีอยุธยาแบ่งอำนาจออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร
หัวหน้าข้าราชการผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน เรียกว่า “สมุหนายก”
หัวหน้าข้าราชการผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร เรียกว่า “สมุหกลาโหม” หรือ “สมุหพระกลาโหม”
อนึ่ง เป็นที่เข้าใจกันว่า –
“สมุหนายก” ทำหน้าที่กำกับดูแลการปกครองและการยุติธรรมในหัวเมืองฝ่ายเหนือ
“สมุหพระกลาโหม” ทำหน้าที่กำกับดูแลการปกครองและการยุติธรรมในหัวเมืองปักษ์ใต้
…………..
ดูก่อนภราดา!
พาโล อปริณายโก.
ที่มา: วีณาถูณชาดก ทุกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม 27 ข้อ 313
: คนเขลาไม่ควรเป็นหัวหน้า
: คนบ้าไม่ควรเป็นผู้นำ
————-
(ตามคำขอของ Jo Ender)
#บาลีวันละคำ (2,105)
18-3-61