บวชนาค (บาลีวันละคำ 2,230)
บวชนาค
อ่านว่า บวด-นาก
ประกอบด้วยคำว่า บวช + นาค
(๑) “บวช”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า –
“บวช : การเว้นทั่ว คือเว้นความชั่วทุกอย่าง (ออกมาจากคำว่า ป + วชฺ) หมายถึงการถือเพศเป็นนักพรตทั่วไป.”
“ป” เป็นคำอุปสรรค แปลว่า ทั่ว, ข้างหน้า, ก่อน, ออก
“วชฺ” เป็นธาตุ (รากศัพท์) แปลว่า ไป, ถึง, เกิด, บรรลุ, แสวงหา, ปรุงแต่ง, กระทำ
มีธาตุอีกคำหนึ่ง คือ “วชฺชฺ” (วัด-ชะ) แปลว่า “เว้น”
ในบาลีไม่มีศัพท์ว่า “ปวช” ส่วน ป + วชฺช รูปบาลีเป็น “ปพฺพชฺชา” (ปับ-พัด-ชา) แปลว่า การถือเพศเป็นนักพรต, การทรงเพศสมณะ, การสละชีวิตครองเรือนออกบวช
ไทยเราแปลง วชฺช เป็น “วช” (ลบ ช เสียตัวหนึ่ง) จึงเท่ากับ ป + วช แล้วเขียนแบบไทยว่า “บวช”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“บวช ๑ : (คำกริยา) ถือเพศเป็นภิกษุสามเณรหรือนักพรตอื่น ๆ.”
(๒) “นาค”
บาลีอ่านว่า นา-คะ รากศัพท์มาจาก –
(1) น (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + อาคุ (ความผิด, ความชั่ว) + อ ปัจจัย, ลบ อุ ที่ (อา)-คุ (อาคุ > อาค)
: น + อาคุ = นาคุ > นาค + อ = นาค แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ไม่ทำความชั่ว”
(2) น (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + อฆ (บาป, ความชั่ว), แปลง ฆ เป็น ค (อฆ > อค), ทีฆะ อะ ที่ อ-(ค) เป็น อา (อค > อาค)
: น + อฆ = นาฆ > นาค แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ไม่มีบาป”
“นาค” (ปุงลิงค์) ในที่นี้หมายถึง ผู้มุ่งจะบวช (an applicant (or candidate) for ordination; ordinand.)
ขยายความ :
ในภาษาบาลี “นาค” ยังมีความหมายอย่างอื่นด้วย คือ –
(1) “สัตว์ที่มองเห็นเป็นเหมือนภูเขา” หมายถึง ช้าง
(2) งูใหญ่มีหงอน ที่เรามักเรียกกันว่า “พญานาค” ภาษาบาลีว่า นาคราชา (นา-คะ-รา-ชา) เป็นความหมายที่เราคุ้นกันมากที่สุด
(3) “ต้นไม้ที่ไปไหนไม่ได้” = ไม้กากะทิง (ใบและผลคล้ายสารภี แต่ใบขึ้นสันมากและผลกลมกว่า เปลือกเมล็ดแข็ง ใช้ทําลูกฉลากหรือกระบวยของเล่น, สารภีทะเล หรือ กระทึง ก็เรียก)
(4) “ผู้ไม่มีผู้ที่เลิศกว่า” = ผู้เลิศ, พระอรหันต์
ในภาษาไทย เฉพาะความหมายในที่นี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“นาค ๕ : (คำแบบ) (คำนาม) ผู้ประเสริฐ, ผู้ไม่ทําบาป; เรียกคนที่ไปอยู่วัดเตรียมตัวจะบวชหรือกําลังจะบวช. (ป., ส.).”
ขยายความ :
การเรียกคนที่ไปอยู่วัดเตรียมตัวจะบวชหรือกําลังจะบวชว่า “นาค” มีมูลเหตุมาจากในเวลาทำพิธีบวช จะต้องระบุชื่อผู้บวชเป็นภาษาบาลี (ที่เรียกว่า “ฉายา” – ดูคำนี้) ในยุคแรกๆ มักสมมุติชื่อผู้บวชว่า “นาโค” ทุกคนเพื่อสะดวกแก่การสวดกรรมวาจา (ปัจจุบันตั้งฉายาต่างกันออกไปเหมือนตั้งชื่อ)
คำว่า “นาโค = นาค” จึงเรียกกันติดปาก ใครจะบวชก็เรียกกันว่า “นาค” มาจนทุกวันนี้
บวช + นาค = บวชนาค เป็นคำประสมแบบไทย แปลจากหน้าไปหลังว่า “ทำพิธีบวชให้แก่นาค”
อภิปราย :
ในพระไตรปิฎกแสดงเหตุผลต้นเดิมของการออกบวชไว้ดังนี้ –
…………..
อิติ ปฏิสญฺจิกฺขติ สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา นยิทํ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ สํขลิขิตํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ ยนฺนูนาหํ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยํ.
ที่มา: สามัญญผลสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 102 เป็นต้น
คำแปล –
ย่อมเห็นตระหนักว่า ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี บรรพชาเป็นทางปลอดโปร่ง การที่บุคคลผู้ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์โดยส่วนเดียวดุจสังข์ขัดไม่ใช่ทำได้ง่าย ถ้ากระไรเราพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต
…………..
สรุปความก็คือ บวชแล้วไปพระนิพพานได้ง่ายกว่าอยู่ครองเรือน
…………..
ดูก่อนภราดา!
สามญฺญํ ทุปฺปรามฏฺฐํ
นิรยายูปกฑฺฒติ.
ที่มา: ตายนสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 15 ข้อ 239
: บวชแล้วทำสกปรก
: ไปนรกง่ายกว่าอยู่ครองเรือน
#บาลีวันละคำ (2,230)
21-7-61