บาลีวันละคำ

ติปิฏกาลัย – หอไตร (บาลีวันละคำ 2,268)

ติปิฏกาลัย – หอไตร

หนึ่งใน “ห้าหอ” ที่วัดต้องมี

อ่านว่า ติ-ปิ-ตะ-กา-ไล

ประกอบด้วยคำว่า ติปิฏก + อาลัย

(๑) “ติปิฏก

เป็นรูปคำบาลี อ่านว่า ติ-ปิ-ตะ-กะ แยกศัพท์เป็น ติ (คำสังขยา = จำนวนสาม) + ปิฏก

(ก) “ปิฏก” รากศัพท์มาจาก ปิฏฺ (ธาตุ = รวบรวม; เบียดเบียน; ส่งเสียง) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ)

: ปิฏฺ + ณฺวุ > อก = ปิฏก แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “ภาชนะที่รวมข้าวสารเป็นต้นไว้

(2) “ภาชนะอันเขาเบียดเบียน

(3) “หมู่ธรรมเป็นที่อันเขารวบรวมเนื้อความนั้นๆ ไว้

(4) “หมู่ธรรมอันเขาส่งเสียง” (คือถูกนำออกมาท่องบ่น)

ปิฏก” มีความหมาย 2 อย่าง คือ –

(1) (ปุงลิงค์) (นปุงสกลิงค์) ตะกร้า, กระจาด, กระบุง (a basket)

(2) (นปุงสกลิงค์) ตำรา, หมวดคำสอนในพระพุทธศาสนา (a scripture, any of the three main divisions of the Pāli Canon)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ปิฎก : (คำนาม) ตะกร้า; หมวดแห่งคำสอนในพระพุทธศาสนา. (ป., ส. ปิฏก).”

(ข) ติ + ปิฏก = ติปิฏก แปลว่า “หมวดคำสอนสามหมวด

ติปิฏก” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ไตรปิฎก

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บอกไว้ว่า –

ไตรปิฎก : (คำนาม) พระธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามี ๓ ปิฎก คือ พระวินัย เรียก วินัยปิฎก พระสูตร เรียก สุตตันตปิฎก พระอภิธรรม เรียก อภิธรรมปิฎก, ตรีปิฎก ก็ว่า.”

ต่อมา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ปรับแก้คำนิยามใหม่เป็น –

ไตรปิฎก : (คำนาม) พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มี ๓ ปิฎก คือ พระวินัย เรียก วินัยปิฎก พระสูตร เรียก สุตตันตปิฎก พระอภิธรรม เรียก อภิธรรมปิฎก, ใช้ว่า ตรีปิฎก ก็ได้.”

ดูเพิ่มเติม: “ไตรปิฎก” บาลีวันละคำ (1,750) 20-3-60

ในที่นี้ “ติปิฏก” หมายถึงตัวคัมภีร์ หรือ book ไม่ว่าจะเป็นกระดาษหรือวัสดุอื่นใดที่บันทึกพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

(๒) “อาลัย

บาลีเป็น “อาลย” (อา-ละ-ยะ) รากศัพท์มาจาก อา (= ทั่ว, มาก, ยิ่ง) + ลิ (ธาตุ = ติดใจ, ติดแน่น) + ปัจจัย, แปลง อิ ที่ ลิ เป็น (ลิ > ลย

: อา + ลิ > ลย = อาลย + = อาลย แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ใจไปติดแน่นอยู่

นักภาษาอธิบาย “อาลย” เป็นรูปธรรมว่า เหมือน “คอน” ที่นกเกาะนอน เท้านกจะต้องยึดแน่นอยู่กับคอนนั้น มิเช่นนั้นก็ตก อาการที่จับติดแน่นไม่ยอมปล่อยนั่นเองคือ “อาลัย

ตามรากศัพท์เช่นนี้ “อาลย” ในทางรูปธรรมจึงหมายถึงสถานที่พักอาศัย, ที่อยู่, บ้านเรือน (abode settling place, house) หรือแหล่งรวมของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น –

ชลาลัย = “แหล่งรวมแห่งน้ำ” คือแม่น้ำ หรือทะเล

เทวาลัย = ที่อยู่ของเทพยดา

หิมาลัย = “แหล่งรวมแห่งหิมะ” คือภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี

ติปิฏก + อาลย = ติปิฏกาลย (ติ-ปิ-ตะ-กา-ละ-ยะ) > ติปิฏกาลัย แปลว่า “แหล่งรวมของคัมภีร์พระไตรปิฎก” หมายถึง สถานที่เก็บคัมภีร์พระไตรปิฎก

ขยายความ :

สมัยพุทธกาล การศึกษาพระธรรมวินัยใช้วิธีทรงจำคำสอนไว้ด้วยใจ ยังไม่มีระบบบันทึกคำสอนเป็นเล่มคัมภีร์

จนเมื่อพระพุทธศาสนาแพร่หลายไปตั้งมั่นอยู่ในลังกาทวีป พระเถระผู้บริหารการพระศาสนาคำนึงว่า สืบไปภายหน้ากุลบุตรจะถอยปัญญา บมิอาจจะทรงจำคำสอนไว้ได้ครบถ้วนบริบูรณ์เหมือนกาลก่อน ควรจารึกพระธรรมวินัยลงเป็นลายลักษณ์อักษร จึงประชุมกันจารพุทธพจน์ลงในใบลานเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 5 (พ.ศ.450 บางมติว่า พ.ศ.436) พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือเล่มคัมภีร์ที่เรียกรู้กันว่า “พระไตรปิฎก” จึงมีมาตั้งแต่บัดนั้น

ตั้งแต่นั้น พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปถึงถิ่นไหน พระไตรปิฎกก็มีไปถึงถิ่นนั้น และมีผู้มีจิตศรัทธานิยมคัดลอกพระไตรปิฎกหรือที่เรียกกันในภาษาไทยสมัยเก่าว่า “สร้าง” แล้วนำไปถวายภิกษุหรือถวายไว้ประจำวัดเพื่อใช้ศึกษาพระธรรมวินัย นับถือกันว่าเป็นของสำคัญเสมือนเป็นองค์พระบรมศาสดา และถือว่าเป็นวิธีสืบอายุพระศาสนาที่สำคัญยิ่ง

ด้วยเหตุว่าเป็นของสำคัญเช่นนี้จึงต้องมีสถานที่เก็บรักษาโดยเฉพาะโดยนิยมสร้างขึ้นเป็นเอกเทศต่างหากจากเสนาสนะอื่นๆ ในภาษาไทยเรียกสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกว่า “หอพระไตรปิฎก” และเรียกตัดลัดลงไปเป็น “หอไตร

เมื่อมีการสร้างอารามถวายเป็นของสงฆ์แพร่หลายขึ้นแล้ว “หอไตร” จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นิยมสร้างขึ้นไว้ในอาราม เป็นที่สำหรับให้ภิกษุค้นคว้าศึกษาพระธรรมวินัยประจำอารามนั้นๆ การสร้าง “หอไตร” ขึ้นในวัดได้กลายเป็นแบบแผนในการสร้างวัดสืบมาจนถึงปัจจุบัน

และ “หอไตร” จึงเป็น “หอ” ที่สำคัญในบรรดา “ห้าหอ” ที่วัดต่างๆ อันสร้างถูกต้องตามแบบแผนจะต้องมี กล่าวคือ

(1) หอฉัน

(2) หอสวดมนต์

(3) หอระฆัง

(4) หอกลอง

(5) หอไตร

คำว่า “หอไตร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ว่า –

หอไตร : (คำนาม) หอสําหรับเก็บพระไตรปิฎก.”

…………..

หมายเหตุ: พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต คำว่า “หอไตร” ใช้คำบาลี 3 คำ คือ –

ติปิฏกาลย (ติ-ปิ-ตะ-กา-ละ-ยะ) = “สถานที่เก็บพระไตรปิฎก”

โปตฺถกาลย (โปด-ตะ-กา-ละ-ยะ) = “สถานที่เก็บพระคัมภีร์”

คนฺถาลย (คัน-ถา-ละ-ยะ) = “สถานที่เก็บพระคัมภีร์”

…………..

บาลีวันละคำชุด:-

: ช่วยกันสืบทอดพระศาสนา

: ช่วยกันรู้ภาษาพระธรรมวินัย

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ถ้าไม่ทำวัดให้เป็นศูนย์การศึกษาพระธรรมวินัย

ถึงจะมีหอไตรก็เหมือนไม่มี

: ถ้าทำวัดให้เป็นศูนย์การศึกษาพระธรรมวินัย

วัดทั่วแผ่นดินไทยก็เป็นหอไตรทันที

#บาลีวันละคำ (2,268)

28-8-61

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *