บาลีวันละคำ

คูถภาณี (บาลีวันละคำ 2,657)

คูถภาณี

ปากเหม็น คือเช่นไร

อ่านว่า คู-ถะ-พา-นี

ประกอบด้วยคำว่า คูถ + ภาณี

(๑) “คูถ

บาลีอ่านว่า คู-ถะ รากศัพท์มาจาก –

(1) คูถฺ (ธาตุ = ขับถ่าย, ระบาย) + ปัจจัย

: คูถฺ + = คูถ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ระบายออกมา

(2) คุปฺ (ธาตุ = ปกปิด) + ปัจจัย, ทีฆะ อุ ที่ คุ-(ปฺ) เป็น อู (คุปฺ > คูปฺ), ลบที่สุดธาตุ (คุป > คุ)

: คุปฺ + = คุปถ > คูปถ > คูถ แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันเขาปกปิดเพราะเป็นของเสีย

คูถ” (ปุงลิงค์) หมายถึง คูถ, อุจจาระ, ขี้ (excrements, faeces, dung)

(๒) “ภาณี

บาลีอ่านว่า พา-นี รากศัพท์มาจาก ภณฺ (ธาตุ = กล่าว, ส่งเสียง) + ณี ปัจจัย, ลบ (ณี > อี), ทีฆะต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (ภณฺ > ภาณฺ)

: ภณฺ + ณี > อี = ภณี > ภาณี (คุณศัพท์) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กล่าว” หมายถึง พูด, สาธยายหรือสวด (speaking, reciting)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ภาณี : (คำนาม) ผู้สวด, ผู้กล่าว, ผู้บอก, คนช่างพูด, เพศหญิง ใช้ว่า ภาณินี.”

คูถ + ภาณี = คูถภาณี แปลว่า “ผู้มีปกติกล่าวถ้อยคำประดุจคูถ

คำนี้แปลตรงตัวว่า “พูดเหมือนขี้” หมายถึงคำพูดของเขาเปรียบเหมือนขี้ ในภาษาไทยมักเข้าใจกันว่า คนปากเสีย พูดไม่เข้าหูคน เรียกเทียบคำบาลีว่า “ปากเหม็น

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “คูถภาณี” ว่า of foul speech (ผู้พูดคำหยาบ)

ขยายความ :

พูดอย่างไรเรียกว่า “คูถภาณี” = ปากเหม็น หรือปากเสีย?

ในพระไตรปิฎก มีพระสูตรหนึ่งชื่อ “คูถภาณีสูตร” คัมภีร์ติกนิบาต อังคุตรนิกาย เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ขออัญเชิญมาทั้งคำบาลีและคำแปลเพื่อเจริญปัญญา ดังนี้ –

…………..

กตโม  จ  ภิกฺขเว  ปุคฺคโล  คูถภาณี

บุคคลคูถภาณีเป็นอย่างไร?

อิธ  ภิกฺขเว  เอกจฺโจ  ปุคฺคโล 

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลลางคนในโลกนี้

สภาคโต  วา

เข้าสภาก็ดี

ปริสคโต  วา

เข้าชุมนุมชนก็ดี

ญาติมชฺฌคโต  วา

เข้าหมู่ญาติก็ดี

ปูคมชฺฌคโต  วา

เข้าหมู่ข้าราชการก็ดี

ราชกุลมชฺฌคโต  วา

เข้าหมู่เจ้าก็ดี

อภินีโต  สกฺขิ  ปุฏฺโฐ

ถูกนำตัวไปซักถามเป็นพยานว่า —

เอหมฺโภ  ปุริส  ยํ  ชานาสิ  ตํ  วเทหีติ 

เอาละท่านผู้เจริญ ท่านรู้อันใด จงบอกอันนั้น

โส  อชานํ  วา  อาห  ชานามีติ 

บุคคลนั้น ไม่รู้ บอกว่ารู้บ้าง

ชานํ  วา  อาห  น  ชานามีติ

รู้ บอกว่าไม่รู้บ้าง

อปสฺสํ  วา  อาห  ปสฺสามีติ

ไม่เห็น บอกว่าเห็นบ้าง

ปสฺสํ  วา  อาห  น  ปสฺสามีติ

เห็น บอกว่าไม่เห็นบ้าง

สมฺปชานมุสาภาสิตา  โหติ

เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้

อตฺตเหตุ  วา

เพราะเห็นแก่ตนบ้าง

ปรเหตุ  วา

เพราะเห็นแก่คนอื่นบ้าง

อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ  วา

เพราะเห็นแก่ลาภผลเล็กน้อยบ้าง

อยํ  วุจฺจติ  ภิกฺขเว  ปุคฺคโล  คูถภาณี.

บุคคลเช่นนี้แหละภิกษุทั้งหลาย เราเรียกว่าคูถภาณี

ที่มา: ติกนิบาต อังคุตรนิกาย

พระไตรปิฎกเล่ม ๒๐ ข้อ ๔๖๗

…………..

ดูก่อนภราดา!

: การไม่รู้ความจริง เป็นเรื่องน่าเห็นใจ

: แต่การเอาความไม่จริงมาพูด เป็นเรื่องน่ารังเกียจ

#บาลีวันละคำ (2,657)

21-9-62

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย