อนันต์ – มหันต์ (บาลีวันละคำ 2,764)
อนันต์ – มหันต์
ความเหมือนในความต่าง
และความต่างในความเหมือน
“อนันต์” และ “มหันต์” -เช่นในคำว่า “คุณอนันต์โทษมหันต์”-เป็นคำที่เราเอามาจากบาลีสันสกฤต มองเท่าที่ตาเห็น จะเห็นว่ารูปคำมีเค้าโครงเหมือนกัน คือ:
(1) มี 2 พยางค์เหมือนกัน (อะ-นัน / มะ-หัน)
(2) พยางค์แรกเป็นพยัญชนะตัวเดียวเหมือนกัน (อ– / ม-)
(3) พยางค์หลังเค้าโครงเหมือนกัน (-นันต์ / -หันต์) ถ้าเอาอักษรนำ (น หนู / ห หีบ) ออก ก็จะเหลือสระ – ันต์ เหมือนกัน คือ-ไม้หันอากาศ, น, ต การันต์เหมือนกัน
เพียงเท่านี้ก็ย่อมจะทำให้คนส่วนมากเข้าใจไปว่า “อนันต์” และ “มหันต์” มีองค์ประกอบชนิดเดียวกัน
แต่ถ้าศึกษาไปถึงรากศัพท์ ก็จะพบว่า ไม่ใช่อย่างที่คิด
(๑) “อนันต์”
บาลีเขียนเป็น “อนนฺต” อ่านว่า อะ-นัน-ตะ ประสมขึ้นจากคำว่า น (นะ) (ไม่, ไม่ใช่) + อนฺต
(ก) “อนฺต” (อัน-ตะ) รากศัพท์มาจาก อมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ต ปัจจัย, แปลง มฺ ที่สุดธาตุเป็น นฺ (อมฺ > อนฺ)
: อมฺ + ต = อมฺต > อนฺต แปลตามศัพท์ว่า “ถึงที่สุด”
“อนฺต” ตามคำแปลนี้หมายถึง :
(1) ที่สุด, สำเร็จ, ที่หมาย (end, finish, goal)
(2) เขต, ชาย, ริม (limit, border, edge)
(3) ข้าง (side)
(4) ด้านตรงกันข้าม, ตรงกันข้าม, ตำแหน่งตรงกัน (opposite side, opposite, counterpart)
(ข) น + อนฺต แปลง น เป็น อน (อะ-นะ) ตามกฎการประสมของ น + กล่าวคือ :
(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แปลง น เป็น อ– เช่น
: น + มนุสฺส = นมนุสฺส > อมนุสฺส > อมนุษย์
(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ (อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ) แปลง น เป็น อน–
ในที่นี้ “อนฺต” ขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ– จึงต้องแปลง น เป็น อน
: น > อน + อนฺต = อนนฺต แปลตามศัพท์ว่า “ไม่มีที่สุด” หมายถึง หาที่สุดมิได้, ไม่จบสิ้น, ไม่มีขอบเขต (endless, infinite, boundless)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อนันต-, อนันต์ : (คำวิเศษณ์) ไม่มีสิ้นสุด, มากล้น, เช่น อนันตคุณ คุณอนันต์. (ป.).”
(๒) “มหันต์”
บาลีเขียนเป็น “มหนฺต” อ่านว่า มะ-หัน-ตะ รากศัพท์มาจาก มหฺ (ธาตุ = เจริญ) + อนฺต ปัจจัย
: มหฺ + อนฺต = มหนฺต แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายตัว” มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, โต; มาก; สำคัญ, เป็นที่นับถือ (great, extensive, big; much; important, venerable)
บาลี “มหนฺต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “มหันต์” (มะ-หัน) หรือ “มหันต-” (มะ-หัน-ตะ-) กรณีมีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มหันต-, มหันต์ : (คำวิเศษณ์) ใหญ่, มาก, เช่น โทษมหันต์. (เมื่อเข้าสมาสกับศัพท์อื่น เป็น มห บ้าง มหา บ้าง เช่น มหัคฆภัณฑ์ คือ สิ่งของที่มีค่ามาก, มหาชน คือ ชนจำนวนมาก). (ป.).”
จะเห็นได้ว่า –
“อนันต์” มาจาก น (นะ) เป็นคำจำพวก “นิบาต” แปลว่า “ไม่, ไม่ใช่” + อนฺต เป็นคำนาม แปลว่า “ที่สุด”
น + อนฺต = อนนฺต > อนันต์ = ไม่มีที่สุด, มากล้น
ส่วน “มหันต์” มาจาก มหฺ เป็นธาตุ (คือรากศัพท์) แปลว่า “เจริญ” + อนฺต เป็นคำจำพวก “ปัจจัย” (ไม่ใช่คำนาม) แปลว่า “อยู่” หรือ “มี”
มห + อนฺต = มหนฺต > มหันต์ = มีความยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, มาก
ความหมายอาจไปทางเดียวกัน
แต่รากศัพท์มาคนละทาง
คนเรียนบาลี จึงมีโอกาสรู้ที่มาของคำ รู้รากของคำ ไม่เข้าใจผิดหรือแปลผิดเพราะไม่เข้าใจ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ยังไม่รู้หัวใจคำ อย่าเพิ่งจำเอาไปร่ายมนตร์
: ยังไม่รู้หัวใจคน อย่าเพิ่งบอกว่าชอบหรือชัง
#บาลีวันละคำ (2,764)
6-1-63