ภะวะตุ สัพ (บาลีวันละคำ 2,847)
ภะวะตุ สัพ
คำเรียกขานของชาววัด
อ่านว่า พะ-วะ-ตุ-สับ
คำว่า “ภะวะตุ สัพ” เป็นคำที่ชาววัดเรียกขานบทสวดมนต์บทหนึ่ง ที่มีคำขึ้นต้นว่า “ภวตุ สพฺพมงฺคลํ” (ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง) เป็นบทสุดท้ายในจำนวนบทสวดต่างๆ ที่พระสงฆ์นำมาสวดในการเจริญพระพุทธมนต์หรือในพิธีอนุโมทนา
พอขึ้นบท “ภะวะตุ สัพ” ชาวบ้านที่คุ้นกับการฟังพระสวดมนต์ก็จะรู้ว่าการสวดมนต์หรือการอนุโมทนากำลังจะจบ คือพอจบบท “ภะวะตุ สัพ” ที่ลงท้ายว่า “ภะวันตุ เต” ก็เป็นอันจบ (มีบางกรณีที่พระจะขึ้นบท “นักขัตตะยักขะภูตานัง” ต่อจากบท “ภะวะตุ สัพ” เป็นการปิดท้ายอีกทีหนึ่ง)
คำว่า “ภะวะตุ สัพ” เป็นการเรียกแบบตัดคำ คำว่า “- สัพ” ไม่ใช่คำสมบูรณ์ เพราะตัดมาจากคำเต็มว่า “สพฺพมงฺคลํ” (สัพพะมังคะลัง)
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คำว่า “สพฺพมงฺคลํ” ตัดมาเฉพาะคำว่า “- สัพ” คำเดียว
บท “ภะวะตุ สัพ” นี้มีคำเรียกชื่อว่า “สัพพมงคลคาถา” หรือ “มังคลโสตถิคาถา” ข้อความเต็มๆ มีดังนี้ –
(บทแรกเขียนแบบคำอ่าน อีก 2 บทเขียนแบบบาลีให้ลองฝึกอ่านโดยใช้บทแรกเป็นแนว)
…………..
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สะทา โสตถี ภะวันตุ เต.
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
สพฺพธมฺมานุภาเวน
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
สพฺพสงฺฆานุภาเวน
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
…………..
คำบาลีพร้อมทั้งคำแปล :
ภวตุ สพฺพมงฺคลํ
ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน
รกฺขนฺตุ สพฺพเทวตา
ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
สพฺพพุทฺธานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
…………………….
…………………….
สพฺพธมฺมานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง
…………………….
…………………….
สพฺพสงฺฆานุภาเวน
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง
สทา โสตฺถี ภวนฺตุ เต.
ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ (เทอญ).
แถม :
ขอแถมคำที่ชาววัดเรียกชื่อบทสวดต่างๆ พอเป็นเครื่องประดับความรู้ (เรียงตามที่นึกได้ ไม่ครบทุกบท)
๑ สัมพุทเธ = ยังไม่พบคำที่เป็นชื่อโดยเฉพาะ คงเรียกกันว่า บท “สัมพุทเธ”
แต่เมื่อพิจารณาเทียบกับบท “โย จักขุมา” ที่เรียกชื่อว่า “นมการสิทธิคาถา” ซึ่งเป็นบทที่แต่งใหม่เพื่อแทนบท “สัมพุทเธ” บท “สัมพุทเธ” ก็น่าจะเรียกว่า “นมการสิทธิคาถา” เช่นกัน และเพื่อให้ต่างกัน บท “สัมพุทเธ” น่าจะเรียกว่า “นมการสิทธิคาถาเก่า” บท “โย จักขุมา” เรียกว่า “นมการสิทธิคาถาใหม่”
เสนอเป็นลำลองเท่านั้น ไม่พึงถือเป็นจริงจัง
๒ โย จักขุมา = นมการสิทธิคาถา
๓ พาหุง = พุทธชัยมงคลคาถา, ชยมังคลัฏฐกคาถา, คาถาพาหุง
๔ มะหากา (ตัดมาจากคำเต็มว่า “มะหาการุณิโก”) = ชยปริตตคาถา, ชยปริตร
๕ ยะถา(-สัพพี) = อนุโมทนารัมภคาถา
๖ (ยะถา-)สัพพี = สามัญญานุโมทนาคาถา
๗ สัพพะโร (ตัดมาจากคำเต็มว่า “สัพพะโรคะวินิมุตโต”) = เป็นท่อนสุดท้ายของอาฏานาฏิยปริตร
๘ นะโมแปดบท = นโมการัฏฐกคาถา
๙ ยันทุน (ตัดมาจากคำเต็มว่า “ยันทุนนิมิตตัง”) = เป็นปกิรณกคาถาสำหรับสวดต่อท้ายเจ็ดตำนาน ยังไม่พบชื่อเรียกโดยเฉพาะ
๑๐ อุเทตะยัญ (คำเดิม “อุเทตยํ” สนธิกับคำว่า “จกฺขุมา” เป็น “อุเทตยญฺจกฺขุมา ตัดมาเฉพาะ “อุเทตยญฺ”) = โมรปริตร
๑๑ วิรูปักเข = ขันธปริตร
๑๒ ยานี = รัตนสูตร
๑๓ วิปัสสิส (ตัดมาจากคำเต็มว่า “วิปัสสิสสะ นะมัตถุ”) = อาฏานาฏิยปริตร
๑๔ ยะโตหัง = อังคุลิมาลปริตร
๑๕ ธัมมะจัก = ธัมมจักกัปปวัตนสูตร
๑๖ อาทิต (มักเพี้ยนเป็น อะทิต) = อาทิตตปริยายสูตร
๑๗ อะนัต = อนัตตลักขณสูตร
๑๘ กะระณี = กรณียเมตตสูตร
๑๙ กาเล = กาลทานสุตตคาถา
๒๐ อายุโท = โภชนานุโมทนาคาถา
๒๑ อัคคะโต เว = อัคคัปปสาทสุตตคาถา
๒๒ อะทาสิ เม = ติโรกุฑฑกัณฑคาถา (สำหรับอนุโมทนาในงานศพ)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: บันไดขั้นสูงสุดเริ่มต้นที่บันไดขั้นต่ำสุด
: ผู้หยุดแค่บันไดขั้นต้น ไม่ก้าวต่อไป
นับว่าเป็นคนขลาดเพียงไร
: ผู้หวังกระโดดทีเดียวขึ้นเหยียบบันไดขั้นสูงสุด
ก็นับว่าเป็นคนเขลาเพียงนั้น
#บาลีวันละคำ (2,847)
29-3-63