สัมโมทกะ (บาลีวันละคำ 2,924)
สัมโมทกะ
หนึ่งในคุณสมบัติของคนรับแขก
อ่านว่า สำ-โม-ทะ-กะ
เขียนแบบบาลีเป็น “สมฺโมทก” อ่านว่า สำ-โม-ทะ-กะ เหมือนกัน
“สมฺโมทก” รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน, ดี) มุทฺ (ธาตุ = ยินดี, เบิกบาน, ร่าเริง) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น มฺ (สํ > สมฺ), แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ), แผลง อุ ที่ มุ-(ทฺ) เป็น โอ (มุท > โมท)
: สํ + มุทฺ = สํมุทฺ + ณฺวุ > อก = สํมุทก > สมฺมุทก > สมฺโมทก แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยินดีร่วมกัน” (พบใคร เห็นใคร ใครมาหามาพบ ก็มีความชื่นชมยินดีเบิกบานใจร่วมไปกับผู้นั้น)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สมฺโมทก” ว่า polite (สุภาพ)
อันที่จริง “สมฺโมทก” ไม่ได้หมายถึง สุภาพ หรือ polite อย่างเดียว ถ้าดูที่คำกริยาสามัญ คือ “สมฺโมทติ” (สำ-โม-ทะ-ติ) จะพบว่ามีความหมายอย่างอื่นด้วย คือ –
(1) รื่นเริง, ยินดี (to rejoice, delight)
(2) ตกลงกัน, ทักทาย, แสดงความยินดีที่ได้พบกัน (to agree with, to exchange friendly greeting with)
(3) แสดงความสุภาพ, ต้อนรับ (to exchange politeness, to welcome)
“สมฺโมทก” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สัมโมทกะ” (สำ-โม-ทะ-กะ)
ขยายความ :
“สัมโมทกะ” เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของพระพุทธองค์ แสดงไว้ในโสณทัณฑสูตรและกูฏทันตสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อ 182 และข้อ 203 ดังนี้ –
…………..
(1) เอหิสาคตวาที = กล่าวเชื้อเชิญ (a man of courtesy แปลตามตัว: one who habitually says: “come you are welcome”)
(2) สขิโล = ผูกไมตรี (kindly in speech)
(3) สมฺโมทโก = สุภาพ (polite)
(4) อพฺภากุฏิโก = ไม่หน้านิ่วคิ้วขมวด (not frowning, genial)
(5) อุตฺตานมุโข = ยิ้มแย้มแจ่มใส (speaking plainly, easily understood)
(6) ปุพฺพภาสี = ทักทายก่อน (speaking obligingly)
…………..
ผู้รู้ท่านพิจารณาแล้วลงความเห็นว่า นี่คือคุณสมบัติของคนที่ควรทำหน้าที่รับแขก
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี ภาค 1 หน้า 425 อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายโสณทัณฑสูตร ขยายความคำว่า “สมฺโมทโก” ว่า –
…………..
สมฺโมทโกติ ปฏิสนฺถารกุสโล อาคตาคตานํ จตุนฺนํ ปริสานํ กจฺจิ ภิกฺขุ ขมนียํ กจฺจิ ยาปนียนฺติอาทินา นเยน สพฺพํ อทฺธานทรถํ วูปสเมนฺโต วิย ปฐมตรํ สมฺโมทนียกถํ กตฺตาติ อตฺโถ.
คำว่า “สมฺโมทโก” คือพระผู้มีพระภาคทรงฉลาดในการปฏิสันถาร หมายความว่า พระองค์ทรงกระทำสัมโมทนียกถาก่อนทีเดียว ดังจะทรงระงับความกระวนกระวาย (ทรถ: anxiety, care, distress) เพราะเดินทางไกลของเหล่าบริษัททั้งสี่บรรดาที่มาถึงแล้วได้สิ้น โดยนัยเป็นต้นว่า กจฺจิ ขมนียํ ดูก่อนภิกษุ เธอสบายดีแลหรือ กจฺจิ ยาปนียํ อาหารการขบฉันยังพอเป็นไปได้แลหรือ …
…………..
คำว่า “สัมโมทกะ” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 คำที่ใกล้เคียงที่สุดที่เก็บไว้คือ “สัมโมท” (สำ-โมด) พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ –
“สัมโมท : (คำกริยา) ยินดี, ร่าเริง, พอใจ, สมโมท ก็ว่า. (ป., ส. สมฺโมท).”
“สัมโมทกะ” มีความหมายทำนองเดียวกับ “สัมโมท” นั่นเอง
อภิปราย :
“สัมโมทกะ” หมายถึง ผู้ที่เมื่อพบปะเจอะเจอกับใครก็มีกิริยาท่าทีร่าเริงแจ่มใส มักทักทายปราศรัยไต่ถามขึ้นก่อนโดยไม่รอให้แขกเอ่ยปากอะไร ทำให้ผู้มาพบมาหารู้สึกสบายใจ เป็นกันเอง ไม่เคอะเขิน
คนที่มีลักษณะ “สัมโมทกะ” ดังกล่าวนี้ย่อมเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่ต้อนรับแขกในกิจการทั้งปวงที่ต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กับมวลชน
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เพียงยิ้มอย่างจริงใจ
: คุณก็ได้กำไรโดยไม่ต้องลงทุน
#บาลีวันละคำ (2,924)
14-6-63