ขันตีสุทันตวิธี (บาลีวันละคำ 3,047)
ขันตีสุทันตวิธี
ขันติ: 1 ใน 8 วิธีเพื่อชัยชนะ
อ่านว่า ขัน-ตี-สุ-ทัน-ตะ-วิ-ที
แยกศัพท์เป็น ขันตี + สุทันต + วิธี
(๑) “ขันตี”
เขียนแบบบาลีเป็น “ขนฺติ” อ่านว่า ขัน-ติ รากศัพท์มาจาก ขมฺ (ธาตุ = อดทน) + ติ ปัจจัย, แปลง ติ เป็น นฺติ, ลบ มฺ ที่สุดธาตุ
: ขมฺ > ข + ติ > นฺติ : ข + นฺติ = ขนฺติ
หรือจะว่า –
: ขมฺ + ติ แปลง มฺ ที่สุดธาตุเป็น นฺ : ขมฺ > ขนฺ + ติ = ขนฺติ ก็ได้
“ขนฺติ” (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “กิริยาที่อดทนได้” หมายถึง ความอดทน, ความอดกลั้น, การให้อภัย (patience, forbearance, forgiveness)
ในทางวิชาการ ท่านว่าคุณธรรมเหล่านี้เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของ “ขันติ” กล่าวคือ :
(1) เมตฺตา = ความรัก (love)
(2) ตีติกฺขา = ความอดกลั้น (forbearance)
(3) อวิหึสา = ความไม่เบียดเบียน (tolerance)
(4) อกฺโกธ = ความไม่โกรธ (meekness)
(5) โสรจฺจ = ความสงบเสงี่ยม, ความว่านอนสอนง่าย (docility, tractableness)
(6) มทฺทว = ความสุภาพอ่อนโยน (gentleness)
ในทางปฏิบัติ พึงพิจารณาว่าตนเองมีขันติหรือไม่ ตามนัยแห่งอรรถกถาขันติวาทิชาดก ดังนี้ :
กา เอสา ขนฺติ นามาติ.
พระราชาตรัสถาม: ที่ชื่อว่าขันตินั้นคืออะไร ?
อกฺโกสนฺเตสุ ปหรนฺเตสุ ปริภวนฺเตสุ อกุชฺฌนภาโวติ.
ขันติวาทีดาบสทูลตอบ: คือความไม่โกรธในเมื่อเขาด่าอยู่ ทำร้ายอยู่ เย้ยหยันอยู่
มม สทิสา ขนฺติพเลน สมนฺนาคตา ปณฺฑิตา
อยํ มํ อกฺโกสิ ปริภาสิ ปริภวิ ปหริ ฉินฺทิ ภินฺทีติ
น กุชฺฌนฺตีติ.
บัณฑิตทั้งหลายผู้ประกอบด้วยกำลังแห่งขันติเช่นกับอาตมา
ย่อมไม่โกรธว่า ผู้นี้ด่า บริภาษ เย้ยหยัน ทำร้ายเรา ตัดอวัยวะ ทำลายเรา
(๒) “สุทันต”
เขียนแบบบาลีเป็น “สุทนฺต” อ่านว่า สุ-ทัน-ตะ รากศัพท์มาจาก สุ (คำอุปสรรค = ดี, งาม, ง่าย) + ทมฺ (ธาตุ = ฝึก, อบรม, ข่ม) + ต ปัจจัย, แปลง มฺ ที่สุดธาตุกับ ต เป็น นฺต
: สุ + ทมฺ + สุทมฺ + ต = สุทมฺต > สุทนฺต แปลตามศัพท์ว่า “-อันบุคคลฝึกมาแล้วอย่างดี” ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง ฝึกฝนมาดี, ควบคุมได้ (well-tamed, restrained)
(๓) “วิธี”
บาลีเป็น “วิธิ” (โปรดสังเกต –ธิ สระ อิ ไม่ใช่ –ธี สระ อี) รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = พิเศษ, วิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + ธา (ธาตุ = ทรงไว้) + อิ ปัจจัย, ลบสระท้ายธาตุ (ภาษาไวยากรณ์ว่า “ลบสระหน้า”)
: วิ + ธา > ธ = วิธ + อิ = วิธิ แปลตามศัพท์ว่า “ทรงไว้เป็นพิเศษ”
“วิธิ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) การจัดแจง, การจัดการ, การประกอบ, กรรมวิธี (arrangement, get up, performance, process);
(2) พิธีการ, พิธีกรรม (ceremony, rite);
(3) การนัดหมาย, การกำหนด, การจัดหา (assignment, disposition, provision)
“วิธิ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “วิธี”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “วิธี” ในภาษาไทยไว้ว่า –
(1) ทํานองหรือหนทางที่จะทํา เช่น วิธีทำฝอยทอง วิธีสอนคณิตศาสตร์ เลขข้อนี้ทำได้หลายวิธี.
(2) แบบ, แบบอย่าง, เช่น ทำถูกวิธี.
(3) กฎ, เกณฑ์.
(4) คติ, ธรรมเนียม.
การประสมคำ :
๑ ขนฺติ + สุทนฺต = ขนฺติสุทนฺต แปลว่า “ความอดทนที่บุคคลฝึกมาแล้วอย่างดี”
๒ ขนฺติสุทนฺต + วิธิ = ขนฺติสุทนฺตวิธิ แปลว่า “วิธีคือความอดทนที่บุคคลฝึกมาแล้วอย่างดี”
เนื่องจากคำว่า “-ติ-” ในคำว่า “ขนฺติ-” อยู่ในตำแหน่งคำที่ต้องเป็นคำครุ (คำเสียงหนัก คือคำที่มีตัวสะกดหรือสระเสียงยาว) ตามกฎของวสันตดิลกฉันท์ (คาถาพาหุงแต่งเป็นวสันตดิลกฉันท์) แต่ “-ติ-” เป็นคำลหุ คือสระเสียงสั้น ท่านจึงใช้สิทธิ์ที่เรียกว่า “ฉันทานุรักษ์” คือเปลี่ยนแปลงรูปคำเพื่อให้ถูกต้องตามกฎของฉันท์ โดยการทีฆะ อิ เป็น อี (อี เป็นสระเสียงยาว) “ขนฺติ-” จึงเปลี่ยนรูปเป็น “ขนฺตี-”
อีกนัยหนึ่ง “ขนฺติ” นั่นเองมี 2 รูป คือเป็น “ขนฺติ” ก็มี เป็น “ขนฺตี” ก็ได้
“ขนฺติสุทนฺตวิธิ” จึงเป็น “ขนฺตีสุทนฺตวิธิ” เขียนแบบไทยเป็น “ขันตีสุทันตวิธี”
อธิบาย :
“ขนฺตีสุทนฺตวิธิ” หรือ “ขันตีสุทันตวิธี” ถอดคำออกมาจากจาก “พุทธชยมังคลอัฏฐกคาถา” หรือคาถาพาหุงบทที่ 2 ข้อความในบาทคาถาว่า “ขนฺตีสุทนฺตวิธินา” ข้อความเต็มทั้งบทว่าดังนี้ –
เขียนแบบบาลี :
มาราติเรกมภิยุชฺฌิตสพฺพรตฺตึ
โฆรมฺปนาฬวกมกฺขมถทฺธยกฺขํ
ขนฺตีสุทนฺตวิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ.
เขียนแบบคำอ่าน :
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง
โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ.
คำแปล :
อาฬวกยักษ์ผู้กระด้าง ปราศจากความอดทน ดุร้าย
สู้รบกับพระพุทธเจ้าอย่างทรหดยิ่งกว่ามาร ตลอดราตรี
พระจอมมุนีทรงเอาชนะได้ด้วยขันติวิธีที่ทรงฝึกฝนมาดี
ด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
(สำนวนแปลของอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก จากหนังสือ คาถาพาหุง)
ขยายความ :
ขยายความตามคาถาว่า พระเจ้ากรุงอาฬวีเสด็จประพาสป่าล่าเนื้อ ทรงพลัดหลงเข้าไปในถิ่นของอาฬวกยักษ์ ถูกยักษ์จับตัวไว้และจะฆ่ากินเป็นภักษา พระเจ้ากรุงอาฬวีทรงเจรจาต่อรองกับอาฬวกยักษ์ว่า ถ้าปล่อยพระองค์ไป พระองค์จะจัดส่งคนมาให้อาฬวกยักษ์กินวันละคน อาฬวกยักษ์พอใจข้อเสนอนี้จึงปล่อยพระเจ้ากรุงอาฬวีไป
พระเจ้ากรุงอาฬวีรับสั่งให้ส่งนักโทษไปให้ยักษ์วันละคน ไม่นานนักโทษก็หมดเรือนจำ จึงให้เที่ยวจับคนที่ทำผิด จนในที่สุดก็หาคนที่ทำผิดไม่ได้ แม้จะเอาทองคำไปวางล่อไว้ให้คนขโมยก็ไม่มีใครขโมย พระเจ้ากรุงอาฬวีก็รับสั่งให้จับคนที่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ส่งไปให้ยักษ์ เริ่มจากเด็กๆ ก่อน จนเด็กหายไปจากเมืองหมด เหลือแต่พระราชโอรสองค์น้อยของพระเจ้ากรุงอาฬวี เมื่อหาเด็กอื่นไม่ได้ พวกอำมาตย์ก็จับเอาพระราชโอรสเตรียมจะส่งไปให้อาฬวกยักษ์ในวันรุ่งขึ้น
ราตรีนั้น พระพุทธองค์ประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงทราบเหตุการณ์ในเมืองอาฬวีได้ด้วยพระญาณ ทรงเล็งเห็นอุปนิสัยของอาฬวกยักษ์ว่าสามารถจะรู้ธรรมได้ ค่ำนั้นจึงเสด็จไปยังที่อยู่ของอาฬวกยักษ์ ประจวบเวลาที่อาฬวกยักษ์ไม่อยู่ พระพุทธองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับ ณ แท่นที่นั่งของอาฬวกยักษ์
ครั้นอาฬวกยักษ์กลับมา เห็นพระพุทธองค์ประทับบนที่นั่งของตนก็โกรธ กระทำอำนาจคุกคามด้วยประการต่างๆ พระพุทธองค์ก็มิได้ทรงหวาดไหว ยักษ์เห็นว่าจะใช้กำลังคุกคามไม่ได้ผล จึงใช้วาทะร้องสั่งให้พระพุทธองค์ลุกจากที่ของตน พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าอาฬวกยักษ์ค่อยคลายโกรธบ้างแล้ว จึงทรงกระทำตามคำสั่ง จะให้ลุกก็ทรงลุก จะให้นั่งก็ทรงนั่ง จะให้ออกก็เสด็จออก จะให้เข้าก็เสด็จเข้า ยักษ์จะให้ทำอย่างไรก็ทรงทำตามด้วยความอดทน สุดท้ายอาฬวกยักษ์ก็สิ้นความโกรธกลับพูดจาด้วยดี
พระพุทธองค์ทรงใช้เวลาตลอดราตรีบำราบอาฬวกยักษ์จนสิ้นพยศ แล้วทรงแสดงธรรมโปรดให้อาฬวกยักษ์เห็นแจ้งในธรรม ดำรงอยู่ในภูมิโสดาปัตติผล รุ่งเช้า เมื่ออำมาตย์นำพระราชโอรสของพระเจ้ากรุงอาฬวีมาส่งให้ยักษ์ อาฬวกยักษ์ก็น้อมถวายกุมารนั้นแด่พระพุทธองค์ เป็นอันว่าพระราชโอรสรอดชีวิต และชาวเมืองอาฬวีก็ปลอดภัยจากยักษ์ร้าย ด้วยพุทธานุภาพ
ที่เรียกว่า “ยักษ์” นั้น ผู้รู้ท่านว่าน่าจะมิใช่ยักษ์เขี้ยวโง้งที่เราเห็นกันตามรูปปั้นหรือภาพเขียน แต่น่าจะเป็นมนุษย์กินคนเผ่าหนึ่งซึ่งมีความดุร้ายมาก พระพุทธองค์ทรงใช้ความสามารถปราบหัวหน้าเผ่ามนุษย์กินคนให้ยอมสยบ นำสันติสุขมาสู่ชาวเมืองได้โดยธรรม จึงนับเป็นชัยมงคลประการหนึ่ง
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ยอมได้
: ใหญ่เป็น
#บาลีวันละคำ (3,047)
15-10-63