สมันตปาสาทิกา (บาลีวันละคำ 3,098)
สมันตปาสาทิกา
“อรรถกถาอันนำมาซึ่งความเลื่อมใสโดยรอบ”
อ่านว่า สะ-มัน-ตะ-ปา-สา-ทิ-กา
ประกอบด้วยคำว่า สมันต + ปาสาทิกา
(๑) “สมันต”
เขียนแบบบาลีเป็น “สมนฺต” อ่านว่า สะ-มัน-ตะ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ด้วยกัน, ดี) + อนฺต (ริม, ขอบ, ที่สุด), แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น ม (สํ > สม)
: สํ > สม + อนฺต = สมนฺต แปลตามศัพท์ว่า “มีขอบริมอยู่ติดกัน” หมายถึง ทั้งหมด, โดยรอบ (all, entire)
“สมนฺต” ใช้เป็นคุณศัพท์ บางทีใช้เป็นกิริยาวิเสสนะ มีความหมายหลายนัย เช่น:
– สมนฺตํ = อย่างสมบูรณ์ (completely)
– สมนฺเตน = ทุกด้าน, ทุกแห่ง, ที่ไหนก็ตาม (on all sides, everywhere, anywhere)
– สมนฺตา = ทุกแห่ง (everywhere)
– สมนฺตโต = โดยรอบ (all round)
(๒) “ปาสาทิกา”
รากศัพท์มาจาก ปสาท + อิก ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
(ก) “ปสาท” (ปะ-สา-ทะ) รากศัพท์มาจาก ป (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + สทฺ (ธาตุ = ยินดี, ชื่นชม; เลื่อมใส, ผ่องใส) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, “ทีฆะต้นธาตุด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” คือ อะ ที่ ส-(ทฺ) เป็น อา (สทฺ > สาท)
: ป + สทฺ = ปสทฺ + ณ = ปสทณ > ปสท > ปสาท แปลตามศัพท์ว่า (1) “ภาวะที่ทำให้ยินดีโดยพิเศษ” (2) “ภาวะเป็นเครื่องผ่องใสแห่งนัยน์ตา” (คือทำให้ตาผ่องใส)
“ปสาท” (ปุงลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) ความชัด, ความแจ่มใส, ความบริสุทธิ์ (clearness, brightness, purity)
(2) ความดีใจ, ความพอใจ, ความสุขหรือความครึ้มใจ, ความดี, ศรัทธา (joy, satisfaction, happy or good mind, virtue, faith)
(3) การพักผ่อน, ความสำรวมใจ, ความสงบเยือกเย็น, ความราบรื่นไม่ไหวหวั่น (repose, composure, allayment, serenity)
(ข) ปสาท + อิก + อา ทีฆะต้นศัพท์ คือ อะ ที่ ป-(สาท) เป็น อา (ปสาท > ปาสาท)
: ปสาท + อิก = ปสาทิก + อา = ปสาทิกา > ปาสาทิกา แปลตามศัพท์ว่า “-อันนำมาซึ่งความเลื่อมใส”
สมนฺต + ปาสาทิกา = สมนฺตปาสาทิกา > สมันตปาสาทิกา แปลว่า “(อรรถกถา) อันนำมาซึ่งความเลื่อมใสโดยรอบ”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความไว้ว่า
…………..
“สมันตปาสาทิกา : ชื่อคัมภีร์อรรถกถา อธิบายความในพระวินัยปิฎก พระพุทธโฆสาจารย์แปลและเรียบเรียงขึ้นเป็นภาษาบาลี เมื่อ พ.ศ. ใกล้จะถึง ๑๐๐๐ โดยอาศัยอรรถกถาภาษาสิงหฬที่มีอยู่ก่อน คือใช้คัมภีร์มหาอัฏฐกถา เป็นหลัก พร้อมทั้งปรึกษาคัมภีร์ มหาปัจจรี และกุรุนที เป็นต้นด้วย.”
…………..
แถม :
พระวินัยปิฎกเป็น 1 ในพระไตรปิฎก แบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 คัมภีร์ คือ –
1 อาทิกรรม
2 ปาจิตตีย์
3 มหาวรรค
4 จุลวรรค
5 ปริวาร
โบราณเอาคำแรกของชื่อคัมภีร์ทั้ง 5 มาเรียกรวมกันว่า “อาปามะจุปะ” นับถือกันว่าเป็น “หัวใจพระวินัยปิฎก”
คัมภีร์ชั้นอรรถกถาที่อธิบายพระวินัยปิฎกมีชื่อว่า “สมันตปาสาทิกา” อธิบายพระวินัยจบครบทั้ง 5 คัมภีร์
คัมภีร์ “สมันตปาสาทิกา” พิมพ์เป็นอักษรไทยแบ่งเป็น 3 เล่ม เรียกว่า “ภาค” คือ
สมนฺตปาสาทิกา นาม วินยฏฺฐกถา ปฐโม ภาโค (ภาค 1)
สมนฺตปาสาทิกา นาม วินยฏฺฐกถา ทุติโย ภาโค (ภาค 2)
สมนฺตปาสาทิกา นาม วินยฏฺฐกถา ตติโย ภาโค (ภาค 3)
หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย ใช้คัมภีร์สมันตปาสาทิกาเป็นแบบเรียน ดังนี้ –
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ภาค 3 เป็นแบบเรียนวิชาแปลมคธเป็นไทย ชั้นประโยค ป.ธ.6/บ.ศ.6
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ภาค 1 และภาค 2 เป็นแบบเรียนวิชาแปลมคธเป็นไทย ชั้นประโยค ป.ธ.7/บ.ศ.7
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ภาค 1 เป็นแบบเรียนวิชาแปลไทยเป็นมคธ ชั้นประโยค ป.ธ.8/บ.ศ.8
…………..
ดูก่อนภราดา!
: พระวินัยเป็นของหนัก อย่าลาก จงแบกไป
: ถ้าแบกไม่ไหวจงวางลงค่อยๆ แล้วถอยออกมา
: แต่อย่าโยนทิ้ง
5-12-63