บาลีวันละคำ

พุทธางกูร (บาลีวันละคำ 3,194)

พุทธางกูร

ไม่ใช่เป็นได้เอง

อ่านว่า พุด-ทาง-กูน

ประกอบด้วยคำว่า พุทธ + อังกูร

(๑) “พุทธ

บาลีเขียน “พุทฺธ” (มีจุดใต้ ทฺ) อ่านว่า พุด-ทะ รากศัพท์มาจาก พุธฺ (ธาตุ = รู้) + ปัจจัย, แปลง ธฺ ที่สุดธาตุเป็น ทฺ, แปลง เป็น ธฺ (นัยหนึ่งว่า แปลง ธฺ ที่สุดธาตุกับ เป็น ทฺธ)

: พุธฺ + = พุธฺต > พุทฺต > พุทฺธ (พุธฺ + = พุธฺต > พุทฺธ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้ทุกอย่างที่ควรรู้

พุทฺธ” แปลตามศัพท์ได้เกือบ 20 ความหมาย แต่ที่เข้าใจกันทั่วไปมักแปลว่า –

(1) ผู้รู้ = รู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง

(2) ผู้ตื่น = ตื่นจากกิเลสนิทรา ความหลับไหลงมงาย

(3) ผู้เบิกบาน = บริสุทธิ์ผ่องใสเต็มที่

ความหมายที่เข้าใจกันเป็นสามัญ หมายถึง “พระพุทธเจ้า

(๒) “อังกูร

บาลีเป็น “องฺกุร” อ่านว่า อัง-กุ-ระ (บาลี –กุ– ไม่ใช่ –กู-) รากศัพท์มาจาก องฺกฺ (ธาตุ = กะ, กำหนด) + อุร ปัจจัย

: องฺก + อุร = องฺกุร (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันเขากำหนดหมายไว้” หมายถึง หน่อ, ตุ่ม (a shoot, a sprout)

บาลี “องฺกุร” ภาษาไทยใช้เป็น “อังกุระ” และ “อังกูร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อังกุระ, อังกูร : (คำนาม) หน่อ, หน่อเนื้อเชื้อไข, เชื้อสาย; มักใช้ อังกูร เป็นส่วนท้ายของสมาส เป็น อางกูร เช่น พุทธางกูร นรางกูร. (ป., ส.).”

พุทฺธ + องฺกุร = พุทฺธงฺกุร (พุด-ทัง-กุ-ระ) แปลว่า “หน่อแห่งพระพุทธเจ้า” (a nascent Buddha)

พุทฺธงฺกุร” ใช้ในภาษาไทยเป็น “พุทธังกูร” และ “พุทธางกูร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

พุทธังกูร, พุทธางกูร : (คำนาม) หน่อพระพุทธเจ้า คือผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า. (ป.).”

ขยายความ :

คำเก่าๆ มักจะเรียกพระมหากษัตริย์ว่า “หน่อเนื้อพุทธางกูร” หรือเรียกเป็นคำศัพท์ว่า “พระบรมพุทธางกูร” ทั้งนี้เพราะถือคติว่า พระมหากษัตริย์ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยอาณาราษฎร เช่นเดียวกับที่ผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้ากระทำมาทุกภพทุกชาติ

ผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาค มีคำเรียกว่า “โพธิสัตว์

การเป็นโพธิสัตว์สำเร็จได้ด้วยการตั้งความปรารถนา และการตั้งความปรารถนานั้นจะสำเร็จได้ผู้ตั้งจะต้องประกอบพร้อมด้วยคุณสมบัติ 8 ประการ ดังนี้ –

(1) ขณะที่ตั้งความปรารถนาต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น (มนุสฺสตฺตํ) เป็นสัตว์เดรัจฉานหรือเป็นเทวดามารพรหมตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(2) แม้เป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นเพศชายเท่านั้น (ลิงฺคสมฺปตฺติ) เพศหญิงตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(3) ต้องสามารถที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ในชาติที่ตั้งความปรารถนานั่นเอง (เหตุ) คือผู้นั้นจะปฏิบัติจนเป็นพระอรหันต์ไปเลยก็สามารถทำได้ แต่ยังไม่ประสงค์เช่นนั้น ผู้ที่ยังมีกิเลสหนาปัญญาหยาบ ยังไม่ใกล้ต่อการบรรลุมรรคผลใดๆ ก็ตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(4) ได้พบพระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่และได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่าจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้ดังปรารถนา (สตฺถารทสฺสนํ) กาลปัจจุบันนี้พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว เป็นอันหมดโอกาสที่ใครจะตั้งความปรารถนาได้อีกแล้ว เว้นแต่จะรอไปตั้งความปรารถนากับพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป

(5) ในขณะที่ตั้งความปรารถนาต้องอยู่ในเพศภิกษุ สามเณร หรือนักบวชที่เป็นสัมมาทิฐิ (ปพฺพชฺชา) คนที่ยังเป็นฆราวาสครองเรือนอยู่ ตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(6) สำเร็จฌานสมาบัติและอภิญญามาแล้ว (คุณสมฺปตฺติ) นี่คือต้องเป็นผู้ปฏิบัติธรรมและได้บรรลุธรรมอย่างต่ำก็ฌานสมาบัติขั้นโลกิยะ ผู้ไม่เคยปฏิบัติ หรือเคยปฏิบัติแต่ยังไม่ได้บรรลุอะไรเลย ตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(7) ต้องประกอบกุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งถึงขั้นสละชีวิต (อธิกาโร) คือต้องเป็นผู้บำเพ็ญคุณความดีกรณียกิจอย่างยิ่งยวดถึงขนาดยอมตายเพื่อให้งานสำเร็จ คนกลัวตาย กลัวลำบาก ไม่กล้าเสียสละ ตั้งความปรารถนาไม่สำเร็จ

(8) ปรารถนาพุทธภูมิ คือตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเป็นพระพุทธเจ้า (ฉนฺทตา) คือตัดสินใจแล้วไม่ถอยกลับ ไม่คืนคำ ไม่ลังเล และไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด

ถ้าทำได้ครบทั้ง 8 ข้อ ผู้นั้นก็จะมีสถานะเป็น “โพธิสัตว์” มีอันที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน มีคำเรียกเฉพาะลงไปว่า “นิยตโพธิสัตว์” คือเป็นพระโพธิสัตว์อย่างแท้จริง

ถ้าขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง แม้ตั้งใจจะเป็นโพธิสัตว์สักเพียงไร ความเป็นโพธิสัตว์ก็ไม่สำเร็จ นอกจากเรียกตัวเองหรือเรียกกันไปเองว่าท่านผู้นั้นผู้โน้นเป็นโพธิสัตว์ แต่จริงๆ แล้วหาใช่ไม่

…………..

ดูก่อนภราดา!

: เราไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ทุกคน

: แต่เราอาจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ทุกคน

อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป

ภาพประกอบ: จาก google

#บาลีวันละคำ (3,194)

11-3-64

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย