บทความเรื่อง ชุดหมอชีวก
————–
เรื่องพระเทวทัตกลิ้งหินบนยอดเขาคิชฌกูฏหมายสังหารพระพุทธองค์ มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
แต่เรื่องตอนที่หมอชีวกรักษาอาการบาดเจ็บของพระพุทธองค์จากเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก
แต่ไปมีรายละเอียดอยู่ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา
ในพระไตรปิฎก เรื่องพระเทวทัตกลิ้งหินมีบันทึกไว้ที่คัมภีร์จุลวรรค ภาค ๒ พระวินัยปิฎก ตอนสังฆเภทขันธกะ พระไตรปิฎกเล่ม ๗ ข้อ ๓๗๒
ข้อความในพระวินัยปิฎกเป็นดั่งนี้
………………….
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จจงกรมอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏบรรพต ครั้งนั้นพระเทวทัตขึ้นสู่คิชฌกูฏบรรพตแล้วกลิ้งศิลาก้อนใหญ่ด้วยหมายใจว่า จักปลงพระชนม์พระสมณโคดมด้วยศิลานี้
ยอดบรรพตสองยอดน้อมมารับศิลานั้นไว้
สะเก็ดกระเด็นจากศิลานั้นต้องพระบาทพระผู้มีพระภาค ทำพระโลหิตให้ห้อขึ้นขณะนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงแหงนขึ้นไป ได้ตรัสกะพระเทวทัตว่า
……………
พหุํ ตยา โมฆปุริส อปุญฺญํ ปสุตํ,
ยํ ตฺวํ ทุฏฺฐจิตฺโต วธกจิตฺโต
ตถาคตสฺส รุหิรํ อุปฺปาเทสิ.
ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอสั่งสมบาปมิใช่บุญไว้มากนัก
เพราะมีจิตคิดประทุษร้าย มีจิตคิดฆ่า
ยังโลหิตของตถาคตให้ห้อขึ้น
……………
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้จัดเป็นอนันตริยกรรมข้อที่ ๑ ที่เทวทัตสั่งสมแล้ว เพราะเธอมีจิตคิดประทุษร้าย มีจิตคิดฆ่า ทำโลหิตของตถาคตให้ห้อขึ้น
……………
เรื่องต่อจากนี้ก็คือ พวกภิกษุได้พากันมาเดินจงกรมบ้าง สวดสาธยายพระธรรมบ้าง รอบๆ บริเวณที่พระพุทธองค์ประทับ เพื่อเป็นการระวังป้องกันภัย
พระพุทธองค์ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย-ตามสำนวนในพระไตรปิฎกว่า
……………
อฏฺฐานเมตํ ภิกฺขเว อนวกาโส, โย ปรุปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, น ปรุปกฺกเมน ภิกฺขเว ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ผู้ใดใครผู้อื่นจะปลงชีวิตตถาคตนั้นมิใช่ฐานะมิใช่โอกาส พระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น
……………
พูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่า-ใครจะพยายามฆ่าพระพุทธเจ้านั้นไม่มีทางทำได้สำเร็จ
ลงมือได้ พยายามได้
แต่ลงท้ายจะทำไม่สำเร็จ
ไม่ใช่เฉพาะพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ แต่กับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะเป็นเช่นนี้เหมือนกันหมด เพราะเป็นหลักธรรมดา
ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็รับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายกลับไปอยู่ตามที่ของตนๆ ตามปกติเถิด พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่ไม่ต้องให้ใครมาคอยระวังป้องกันภัยให้
ความในพระไตรปิฎกที่บรรยายเหตุการณ์พระเทวทัตกลิ้งหินมีเพียงเท่านี้
มีพระสูตรอีก ๒ แห่งในคัมภีร์สังยุตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๕ ข้อ ๑๒๒ และข้อ ๔๕๒ ชื่อ สกลิกสูตร ชื่อเดียวกันและอยู่ในหมวดสคาถวรรคด้วยกันทั้ง ๒ สูตร เป็นเรื่องว่าด้วยพระบาทของพระพุทธองค์ถูกสะเก็ดหินกระทบได้รับบาดเจ็บสาหัส ในข้อ ๑๒๒ กล่าวถึงเหล่าเทวดาพากันมาเฝ้า ข้อ ๔๕๒ กล่าวถึงมารมาเฝ้า
ในตัวพระสูตรไม่ได้เอ่ยถึงว่าทำไมพระบาทของพระพุทธองค์จึงถูกสะเก็ดหินกระทบ และไม่ได้เอ่ยถึงการรักษาพยาบาล
แต่ในอรรถกถาของสูตรแรก (คัมภีร์สารัตถปกาสินี ภาค ๑ หน้า ๑๐๗-๑๐๘) ขยายความไว้ว่า เป็นเหตุการณ์เดียวกับที่พระเทวทัตกลิ้งหินจากยอดเขาคิชฌกูฏนั่นเอง
แต่อรรถกถาฉบับนี้ก็ไม่ได้เอ่ยถึงการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด แต่ก็บอกรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุ พวกภิกษุได้พาพระพุทธองค์เสด็จไปพักที่สวนมัททกุจฉิ
ถึงตอนนี้ มีชื่อสถานที่ ๓ แห่งที่ควรรู้จัก คือเขาคิชฌกูฏ สวนมัททกุจฉิ และชีวกัมพวัน
๘ เมษายน ๒๕๖๓
๑๕:๑๖
ช่วงวันเวลาที่คนไทยต้องร่วมกันให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและของโลก
———–
ภาพประกอบ: จาก google
เรื่องที่หมอชีวกมารักษาอาการบาดเจ็บของพระพุทธองค์มีเล่าไว้ในคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ภาค๔ ชีวกวัตถุ – เรื่องหมอชีวก มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
……………
ความพิสดารว่า ในสมัยหนึ่ง พระเทวทัตเป็นผู้ร่วมคิดกับ
พระเจ้าอชาตศัตรูขึ้นสู่เขาคิชฌกูฏ มีจิตคิดร้าย คิดว่า ” เราจักปลง-
พระชนม์พระศาสดา ” จึงกลิ้งหินลง. ยอดเขา ๒ ยอดรับหินนั้นไว้.
สะเก็ดซึ่งแตกออกจากหินนั้น กระเด็นไป กระทบพระบาทของพระผู้มี
พระภาค ยังพระโลหิตให้ห้อแล้ว. เวทนากล้าเป็นไปแล้ว.
[ หมอชีวกทำการพยาบาลแผล ]
ภิกษุทั้งหลายนำพระศาสดาไปยังสวนมัททกุจฉิ. พระศาสดา
มีพระประสงค์จะเสด็จ แม้จากสวนมัททกุจฉินั้นไปยังสวนมะม่วงของ
หมอชีวก จึงตรัสว่า ” เธอทั้งหลาย จงนำเราไปในสวนมะม่วง
* พระมหาอู ป.ธ. ๗ วัดบวรนิเวศวิหาร แปล.
ประโยค๒ – พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค ๔ – หน้าที่ 82
ของหมอชีวกนั้น. ” พวกภิกษุได้พาพระผู้มีพระภาคเจ้าไปยังสวน
มะม่วงของหมอชีวกแล้ว. หมอชีวกทราบเรื่องนั้น ไปสู่สำนัก
พระศาสดา ถวายเภสัชขนานที่ชะงัด เพื่อประโยชน์กำชับแผล
พันแผลเสร็จแล้ว ได้กราบทูลคำนี้กะพระศาสดาว่า ” พระเจ้าข้า
ข้าพระองค์ประกอบเภสัชแก่มนุษย์ผู้หนึ่งภายในพระนคร, ข้าพระองค์
จักไปยังสำนักของมนุษย์นั้นแล้ว จัก (กลับ) มาเฝ้า, เภสัชนี้จงตั้ง
อยู่โดยนิยามที่ข้าพระองค์พันไว้นั่นแหละ จนกว่าข้าพระองค์กลับ
มาเฝ้า. “
เขาไปทำกิจที่ควรทำแก่บุรุษนั้นแล้ว กลับมาในเวลาปิดประตู
จึงไม่ทันประตู. ทีนั้น เขาได้มีความวิตกอย่างนี้ว่า ” แย่จริง เรา
ทำกรรมหนักเสียแล้ว, ที่เราถวายเภสัชอย่างชะงัด พันแผลที่พระบาท
ของพระตถาคตเจ้า ดุจคนสามัญ๑; เวลานี้เป็นเวลาแก้แผลนั้น,
เมื่อแผลนั้นอันเรายังไม่แก้, ความเร่าร้อนในพระสรีระของพระผู้มี
พระภาคเจ้าจักเกิดตลอดคืนยังรุ่ง. “
[ แผลของพระศาสดาหายสนิท ]
ขณะนั้น พระศาสดาตรัสเรียกพระอานนทเถระมาเฝ้า รับสั่งว่า
” อานนท์ หมอชีวกมาในวลาเย็นไม่ทันประตู, ก็เขาคิดว่า ‘ เวลานี้
เป็นเวลาแก้แผล, ‘ เธอจงแก้แผลนั้น. ” พระเถระแก้แล้ว. แผล
หายสนิท ดุจสะเก็ดไม้หลุดออกจากต้นไม้.
๑. อญฺตรสฺส แปลว่า คนใดคนหนึ่ง.
ประโยค๒ – พระธัมมปทัฏฐกถาแปล ภาค ๔ – หน้าที่ 83
[ พระอรหันต์ไม่มีความเร่าร้อนใจ ]
หมอชีวกมายังสำนักพระศาสดาโดยเร็ว ภายในอรุณนั่นแล
ทูลถามว่า ” พระเจ้าข้า ความเร่าร้อนเกิดขึ้นในพระสรีระของพระองค์
หรือไม่ ? ” พระศาสดาตรัสว่า ” ชีวก ความเร่าร้อนทั้งปวงของ
ตถาคตสงบราบคาบแล้ว ที่ควงไม้โพธิพฤกษ์นั่นแล ” ดังนี้แล้ว เมื่อจะ
ทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
” ความเร่าร้อน ย่อมไม่มีแก่ท่านผู้มีทางไกล
อันถึงแล้ว หาความเศร้าโศกมิได้ หลุดพ้น
แล้วในธรรมทั้งปวง ผู้ละกิเลสเครื่องร้อยรัด
ทั้งปวงได้แล้ว. “