โกลังโกละ (บาลีวันละคำ 4,410)
โกลังโกละ
พระโสดาบันประเภทหนึ่ง-เกิดอีก 2-3 ครั้ง
ในคัมภีร์แสดงไว้ว่า พระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบัน คือผู้ถึงกระแสที่จะนำไปสู่พระนิพพาน มี 3 ประเภท คือ –
1. เอกพีชี เกิดอีกครั้งเดียว
2. โกลังโกละ เกิดอีก 2-3 ครั้ง
3. สัตตักขัตตุปรมะ เกิดอีก 7 ครั้งเป็นอย่างมาก
…………..
“โกลังโกละ” เขียนแบบบาลีเป็น “โกลํโกล” (บางทีสะกดเป็น “โกลงฺโกล) อ่านว่า โก-ลัง-โก-ละ ประกอบด้วยคำว่า โกลํ + โกล
(๑) “โกลํ”
อ่านว่า โก-ลัง แผลงมาจาก “กุลํ” รูปคำเดิมเป็น “กุล” อ่านว่า กุ-ละ รากศัพท์มาจาก กุลฺ (ธาตุ = ผูก, พัน, นับ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ
: กุลฺ + ณ = กุลณ > กุล แปลตามศัพท์ว่า “เชื้อสายที่เป็นเครื่องผูกพัน” “เชื้อสายที่ผูกพันกัน” “เชื้อสายอันเขานับรวมไว้”
“กุล” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง –
(1) ตระกูล, วงศ์, สกุลผู้ดี (clan, a high social grade, good family)
(2) ครอบครัว, บ้าน, ประชาชน (household, house, people)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กุล ๑, กุล– : (คำนาม) ตระกูล, สกุล. (ป., ส.).”
“กุล” แจกด้วยวิภัตตินามที่สอง (ทุติยาวิภัตติ) เอกวจนะ เปลี่ยนรูปเป็น “กุลํ”
(๒) “โกล”
อ่านว่า โก-ละ แผลงมาจาก “กุล” คำเดียวกับ “กุลํ” ที่แสดงรากศัพท์แล้วข้างต้น
กุลํ + กุล แผลง อุ ที่ กุ– เป็น โอ
: กุลํ + กุล = กุลํกุล > โกลํโกล ใช้เป็นคุณศัพท์ แปลว่า “ผู้ไปจากตระกูลสู่ตระกูล”
อีกนัยหนึ่ง “โกลํโกล” รูปคำเดิมมาจาก กุล (ตระกูลน้อย) + อกุล (ตระกูลใหญ่) แผลง อุ ที่ กุ– เป็น โอ, ลบสระหน้า คือ อา ที่ กุลา– แล้วลงนิคหิตอาคม
: กุล + อกุล = กุลากุล > กุลํกุล > โกลํโกล ใช้เป็นคุณศัพท์ แปลว่า “ผู้ไปสู่ตระกูลน้อยตระกูลใหญ่”
“โกลํโกล” หมายถึง พระโสดาบันที่เกิดอีกตั้งแต่ 2 ครั้ง ถึง 6 ครั้ง จึงได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
“โกลํโกล” ใช้ในภาษาไทยเป็น “โกลังโกละ”
ขยายความ :
ท่านแสดงบทวิเคราะห์ (การกระจายคำเพื่อหาความหมาย) ของคำว่า “โกลังโกละ” (โกลํโกล – โกลงฺโกล) ไว้ว่า –
…………..
กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ โกลงฺโกโล ฯ
ผู้ใดย่อมไปจากตระกูลสู่ตระกูล ดังนั้น ผู้นั้นจึงชื่อว่า “โกลังโกละ” = ผู้ไปจากตระกูลสู่ตระกูล
ที่มา: ปรมัตถมัญชุสา (มหาฎีกาของคัมภีร์วิสุทธิมรรค) ภาค 3 หน้า 654
…………..
โกลํโกโลติ กุลากุลํ คมนโก ฯ
ผู้ไปสู่ตระกูลน้อยตระกูลใหญ่ ชื่อว่า “โกลังโกละ”
ที่มา: มโนรถปูรณี ภาค 2 หน้า 360
…………..
มีพระพุทธพจน์แสดงลักณะของพระโสดาบันประเภท “โกลังโกละ” ไว้ดังนี้ –
…………..
โส ติณฺณํ สญฺโญชนานํ ปริกฺขยา โกลํโกโล โหติ เทฺว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ
เพราะสิ้นสังโยชน์ 3 ภิกษุนั้นเป็นโกลังโกละ เวียนว่ายตายเกิดไป 2 หรือ 3 ชาติ ก็ทำที่สุดทุกข์ได้
ที่มา: ติกนิบาต อังคุตรนิกาย พระไตรปิฎกเล่ม 20 ข้อ 527
…………..
พระพุทธพจน์นี้ อรรถกถาไขความว่า คำว่า “กุล” หมายถึง “ภพ” คือการเกิด ดังนั้น ที่แปลว่า “ผู้ไปสู่ตระกูลน้อยตระกูลใหญ่” หรือ “ผู้ไปจากตระกูลสู่ตระกูล” จึงหมายถึง ผู้เกิดในภพน้อยภพใหญ่ จากภพนี้ไปเกิดในภพนั้น จากภพนั้นไปเกิดในภพโน้น คือ ชาตินี้เกิดเป็นคนนี้ ชาติต่อไปเกิดเป็นคนโน้น เกิดไปเรื่อย ๆ แบบนี้แหละคือ “โกลังโกละ”
แต่อรรถกถาก็ขมวดไว้ว่า ที่ว่า “เวียนว่ายตายเกิดไป 2 หรือ 3 ชาติ” (เทฺว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา) ไม่ใช่หมายความตามตัวว่า “2 หรือ 3 ชาติ” เท่านั้น อาจจะเป็น 4 ชาติ 5 ชาติ หรือ 6 ชาติก็ได้ เกิดอยู่ในระหว่าง 2 ถึง 6 ชาติ ไม่เกินไปจากนี้ เรียกว่า “โกลังโกละ” ทั้งหมด
เหตุที่ต้องไม่เกิน 6 ชาติ ก็เพราะถ้าถึงชาติที่ 7 ก็จะไปเข้าลักษณะของพระโสดาบันประเภท “สัตตักขัตตุปรมะ” ผู้เกิดอีก 7 ครั้งเป็นอย่างมาก (ดู มโนรถปูรณี ภาค 2 หน้า 360)
อนึ่ง คัมภีร์ขยายความไว้ด้วยว่า พระโสดาบันประเภท “โกลังโกละ” นั้น แม้เกิดอีกหลายครั้งก็จะไม่เกิดในตระกูลที่ต่ำต้อยยากจน แต่จะเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่งทุกครั้งไป (ดู ปรมัตถมัญชุสา ภาค 3 หน้า 654)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ปฏิบัติให้ถูกแบบแยบยล
: ไม่ว่ารวยหรือจนบรรลุธรรมได้เท่าเทียมกัน
#บาลีวันละคำ (4,410)
9-7-67
…………………………….
…………………………….