บทความเรื่อง บอกบุญอุโบสถ
บอกบุญอุโบสถ (๑๗)
——————-
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการถืออุโบสถ (๓)
ส่วนใหญ่จะฟังเอาบุญ แต่ไม่เอากุศล คือไม่เกิดปัญญา เริ่มตั้งแต่จุดธูปเทียน บูชาพระ อาราธนาธรรม ประนมมือฟังจน เอวังก็มี รับพร ถวายเครื่องกัณฑ์ เป็นอันจบ ถือว่าได้บุญเรียบร้อยแล้ว
แต่อย่าถามว่า พระเทศน์เรื่องอะไร สาระสำคัญว่าอย่างไร เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการรู้!
ข้อสังเกตที่ ๓/๓ การสนทนาธรรม
ส่วนมากแล้วไม่ได้ทำกิจกรรมนี้ ถ้าทำ แทนที่จะเป็นการพูดคุยธรรมะตามธรรมชาติเหมือนคนนั่งคุยกัน มักกลายรูปแบบเป็นการเรียนธรรมในห้องเรียน ซึ่งชวนให้เคร่งเครียด เป็นเหตุให้ผู้สูงวัยไม่เข้าร่วมกิจกรรมโดยอ้างว่าอายุมากแล้ว สมองไม่ดี “เรียน” ไม่ไหว
การสนทนาธรรมคือการคุยธรรมะกัน ถ้ายังมีสมองคุยเรื่องต่างๆ ได้ ก็ย่อมสามารถคุยธรรมะได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องทำบรรยากาศในการคุยธรรมะให้กลายเป็นการเรียนธรรมะในชั้นเรียน
ข้อสังเกตที่ ๓/๔ ปฏิบัติธรรม
ส่วนมากยังยึดวิธีการตามแบบที่ได้ไปปฏิบัติมาจากสำนักต่างๆ คือต้องนั่งแบบนั้น ต้องเดินแบบนั้น ต้องเตรียมสถานที่ ต้องทำเป็นเวลา พอหมดเวลาก็เลิกทำ
การปฏิบัติธรรมที่ควรจะเป็นการกระทำตามปกติในชีวิตจริงจึงกลายกิจกรรมที่แปลกแยกไปจากชีวิตปกติ
ข้อสังเกตที่ ๓/๕ การแต่งกาย
มีส่วนหนึ่งที่เข้าใจว่า จะถืออุโบสถศีลต้องแต่งชุดขาว หรือชุดอุโบสถตามธรรมเนียมของวัดนั้นๆ ซึ่งอันที่จริงก็เป็นรูปแบบที่ดี ควรแก่การอนุโมทนา แต่ไปๆ มาๆ ทำท่าจะกลายเป็นเพียงติดในรูปแบบ คือเข้าใจไปว่าถ้าไม่ได้แต่งชุดแบบนั้นก็ถืออุโบสถศีลไม่ได้ หรือปฏิบัติธรรมไม่ได้ แล้วเลยรู้สึกต่อไปว่า เพียงแค่แต่งชุดอุโบสถ ไปวัด ค้างวัด ทำนั่นนี่ไปตามธรรมเนียม เท่านี้ก็ได้บุญแล้ว
เหมือนถือชามเปล่ามาจากบ้าน เช้ารุ่งขึ้นก็ถือกลับบ้านโดยไม่สนใจว่ามีอะไรใส่ชามกลับไปบ้างหรือเปล่า
(ข้อสังเกต ยังมีต่อ)
๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔
๑๘:๓๖