บทความเรื่อง บอกบุญอุโบสถ
บอกบุญอุโบสถ (๔)
——————-
องค์อุโบสถศีล
ศีลหรือวินัยสงฆ์ก็เหมือนกฎหมาย มีคำจำกัดความ มีองค์ประกอบ และกำหนดลักษณะแห่งการกระทำชัดเจน สามารถวินิจฉัยได้ว่าการกระทำอย่างไรผิดหรือถูกตามบทบัญญัติ
ไม่มี-มันน่าจะผิด หรือ-มันน่าจะถูก
ผิดคือผิด ถูกคือถูก ชัดเจน ตรงไปตรงมา
ถ้าจะมีการพลิกเหลี่ยมให้เห็นว่าผิดเป็นถูกหรือถูกเป็นผิด ก็ต้องหา “เหลี่ยม” ที่กฎหมายนั่นเองบัญญัติไว้มารองรับ ไม่ใช่คิดเอาเองลอยๆ
“องค์อุโบสถศีล” หมายถึง อุโบสถศีลแต่ละข้อมีองค์ประกอบอะไรบ้างที่จะใช้เป็นเครื่องวินิจฉัยได้แน่นอนว่าเป็นการล่วงละเมิดศีลข้อนั้นๆ ถ้าครบองค์ประกอบ ศีลก็ขาด ถ้าไม่ครบองค์ประกอบ ศีลยังไม่ขาด แต่อาจด่างพร้อยหรือมัวหมอง
ต่อไปนี้จะได้นำองค์ประกอบของอุโบสถศีลแต่ละข้อตามที่ท่านกำหนดไว้มาแสดง โปรดทราบว่า “องค์” ที่ท่านกำหนดไว้นี้รวมทั้งคำแปลเป็นไทย เป็นภาษาศีลหรือภาษาวินัย ทำนองเดียวกับภาษากฎหมาย เป็นอย่างที่เรียกว่า “ตัวบท” ถ้อยคำที่เป็นตัวบทจำต้องคงไว้ตามต้นฉบับ จะเข้าใจตัวบทได้ก็ต้องมีคำอธิบายอีกทีหนึ่ง ในที่นี้ขอเสนอเฉพาะตัวบทไว้ชั้นหนึ่งก่อน ผู้ปรารถนาจะเข้าใจตัวบทพึงแสวงหาคำอธิบายต่อไป
หรือถ้าญาติมิตรท่านใด-โดยเฉพาะพระคุณเจ้าทั้งหลาย-จะกรุณาช่วยเขียนคำอธิบายเป็นวิทยาทาน ก็จะขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง – ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว นั่นเป็นหน้าที่โดยตรงเลยทีเดียวนะขอรับ เพราะหลักการมีอยู่ คือ พระภิกษุสามเณรที่หน้าที่ –
๑ ศึกษาพระธรรมวินัย
๒ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง
๓ เผยแผ่พระธรรมวินัยให้แพร่หลาย
พระภิกษุสามเณรยังทำหน้าที่อยู่ตราบใด พระศาสนาก็ยังดำรงอยู่ตราบนั้น
……………..
(๑) ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต มีองค์ ๕ คือ:
๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณะสัญญิตา ตนรู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วะธะกะจิตตัง จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปักกะโม ทำความเพียรที่จะฆ่า
๕. เตนะ มะระณัง สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น
(๒) ศีลข้อ ๒ อทินนาทาน มีองค์ ๕ คือ:
๑. ปะระปะริคคะหิตัง ของอันเจ้าของหวงแหน
๒. ปะระปะริคคะหิตะสัญญิตา ตนรู้อยู่ว่าของอันเจ้าของหวงแหน
๓. เถยยะจิตตัง จิตคิดจะลัก
๔. อุปักกะโม ทำความเพียรที่จะลัก
(๓) ศีลข้อ ๓ อพรัหมฯ มีองค์ ๓ คือ:
๑. ติณณัง มัคคานัง อัญญะตะระตา วัตถุอันตนประพฤติล่วงในมรรคทั้ง ๓ มรรคใดมรรคหนึ่ง
๒. ตัส๎มิง เสวะนะจิตตัง จิตคิดจะเสพในมรรคทั้ง ๓ นั้น
๓. มัคเคนะ มัคคะปะฏิปัตติ เมื่อเสพทำมรรคใดมรรคหนึ่งให้ถึงกันในที่ชุ่มประมาณเท่าเมล็ดงา
(๔) ศีลข้อ ๔ มุสาวาท มีองค์ ๓ คือ:
๑. วิสังวาทะนะจิตตัง จิตคิดจะพูดให้ผิด
๒. ตัชโช วายาโม เพียรกล่าวปดออกไป
๓. ปะรัสสะ ตะทัตถะวิชานะนัง ข้อความที่ตนพูดนั้นคนอื่นรู้เข้าใจ
(๕) ศีลข้อ ๕ สุราฯ มีองค์ ๔ คือ:
๑. มัชชะภาโว ความเป็นของมึนเมามีสุราเป็นต้น
๒. ปาตุกัมยะตาจิตตัง จิตใคร่จะดื่มกิน คือเสพของมึนเมา
๓. ตัชโช วายาโม เพียรพยายามเกิดแต่จิตนั้น
๔. ตัสสะ ปานัง ดื่มน้ำเมานั้นให้ล่วงไหลลำคอเข้าไป
(๖) ศีลข้อ ๖ วิกาลโภชน์ มีองค์ ๔ คือ:
๑. วิกาละตา ล่วงตั้งแต่ตะวันเที่ยงแล้วไป
๒. ยาวะกาลิกะตา อาหารและลูกไม้ที่เป็นของเคี้ยวและกัด
๓. อัชโฌหะระณะปะโยโค ประโยคกลืนกิน
๔. เตนะ อัชโฌหะระณัง กลืนให้ล่วงไหลลำคอลงไปด้วยประโยคนั้น
(๗/๑) ศีลข้อ ๗ ส่วนที่ ๑ นัจจคีตะฯ มีองค์ ๓ คือ:
๑. นัจจาทิตา ความเป็นการเล่นมีฟ้อนรำเป็นต้น
๒. ทัสสะนัตถายะ คะมะนัง ไปเพื่อต้องการจะดู
๓. ทัสสะนัง กิริยาที่ได้เห็น
(๗/๒) ศีลข้อ ๗ ส่วนที่ ๒ มาลาฯ มีองค์ ๓ คือ:
๑. มาลาทีนัง อัญญะตะระตา ดอกไม้ ของหอม เครื่องทา เครื่องย้อมและเครื่องประดับ อันใดอันหนึ่ง
๒. อะนุญญาตะการะณาภาโว เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไม่มี คือทาของหอมคิดจะแก้เจ็บก็หามิได้
๓. อะลังกะตะภาโว ทัดทรงประดับกายด้วยจิตคิดจะประดับ
(๘) ศีลข้อ ๘ อุจจาฯ มีองค์ ๓ คือ:
๑. อะกัปปิยะธาระตา ทรงเครื่องลาดมีนุ่นและสำลีภายในและวิจิตรงามต่างๆ
๒. ปะมาณาติกกันตะมัญจะปีฐะตา เตียงตั่งมีเท้าสูงเกินประมาณ คือเกินสิบนิ้วหนึ่งกระเบียดช่างไม้
๓. อะภินิสีทะนัง วา อะภินิปัชชะนัง วา นั่งหรือนอนบนเตียงตั่งหรือเครื่องลาดนั้น
……………..
ขออธิบายศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต พอเป็นนิทัศนะดังนี้
“ปาณาติบาต” เป็นศีลข้อที่ ๑ ในศีล ๕ ศีล ๘ และศีล ๑๐ และเป็นอาบัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๑ ในจำนวน ๔ สิกขาบท (ในกรณีฆ่ามนุษย์)
ศีลข้อ “ปาณาติบาต” นี้ มักพูดกันเป็นคำสามัญว่า “ฆ่าสัตว์” คำว่า “สัตว์” ชวนให้นึกแคบเข้าไปเฉพาะสัตว์เดรัจฉาน คือสัตว์ทั่วไปที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ในทางหลักธรรมวินัยท่านจำกัดความไว้รัดกุมด้วยการใช้คำว่า “ปาณ” หมายถึง “สิ่งมีชีวิตที่มีลมปราณ” คือมีลมหายใจ เพราะฉะนั้น สิ่งมีชีวิตที่มี “ปาณ” ทุกชนิด จะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ทั่วไปก็ตาม ย่อมรวมอยู่ในศีลข้อนี้ทั้งสิ้น
“ปาณาติบาต” มีองค์ประกอบ ๕ ประการ คือ:
๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต = ปาณะนั้นยังมีชีวิตอยู่
๒. ปาณะสัญญิตา ตนรู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต = ผู้ทำรู้ว่าปาณะนั้นยังมีชีวิต
๓. วะธะกะจิตตัง จิตคิดจะฆ่า = มีเจตนาจะทำให้ตาย
๔. อุปักกะโม ทำความเพียรที่จะฆ่า = ลงมือทำ
๕. เตนะ มะระณัง สัตว์ตายด้วยความเพียรนั้น = ปาณะนั้นตายด้วยการกระทำนั้นโดยตรง
ทดสอบความเข้าใจ :
(๑) เห็นสุนัขนอนอยู่ เข้าใจว่าเป็นสุนัขตาย ควักปืนออกมายิงด้วยความคึกคะนอง สุนัขเลยถูกยิงตายจริงๆ
ศีลข้อปาณาติบาตขาดหรือไม่?
(๒) บ้านอยู่ริมถนน สุนัขจรจัดมานอนที่ประตูบ้าน เจ้าของบ้านเอาไม้ขว้างเพื่อจะไล่มันออกไป สุนัขตกใจวิ่งถลาไปกลางถนน พอดีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาชนสุนัขตาย
เจ้าของบ้านศีลขาดหรือไม่?
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔
๑๐:๔๘