เรื่องสั้นของทองย้อย

หลวงพี่หยองครองใหญ่

ชีวิตเด็กวัดนอกจากมีเรื่องสนุกตามประสาเด็กแล้ว ยังมีโอกาสได้รู้เรื่องสนุกๆ ของพระอีกด้วย-อย่างเรื่องของหลวงพี่หยองครองใหญ่นี่เป็นต้น 

หลวงพี่หยองเป็นพระใหม่วัดหนองกระทุ่มในระหว่างปี ๒๔๙๖-๒๔๙๙ ปีไหนจำไม่ได้แน่ 

สมัยนั้นพระบวชเอาพรรษากันทั้งนั้น คือบวชก่อนเข้าพรรษาแล้วอยู่ไปจนออกพรรษา รับกฐินแล้วจึงสึก บางทีอยู่ไปเรื่อยๆ จนเข้าพรรษาที่ ๒ หรือ ๓ พรรษาจึงสึกก็มี เป็นเรื่องปกติ 

บวชเดือนหนึ่งสึก ๑๕ วันสึก ๗ วันสึกเหมือนสมัยนี้ไม่มีใครเขาประพฤติกัน

หลวงพี่หยองเป็นลูกบ้านหนองกระทุ่ม ตัวใหญ่ หน้าตาท่าทางซื่อมากๆ ยิ้มง่าย โกรธยาก พูดน้อย พูดช้าและออกจะติดอ่าง ติดปากคำว่า “อะ-อะไรนะ” “ทำ-ทำยังไงนะ” สติปัญญาปานกลางเอียงไปข้างทึบหน่อยๆ บอกง่าย เชื่อง่าย มักเป็นที่ล้อเล่นของเพื่อนพระ รวมทั้งของเด็กวัดอย่างพวกเราด้วย 

บุคลิกเด่นของหลวงพี่หยองก็คือสวดมนต์เสียงดัง จำแม่น สวดเก่ง เป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับหลวงพี่หยอง

หลวงพี่หยองกลัวหลวงปู่ (พระครูขันตยาภิรัต เจ้าอาวาสวัดหนองกระทุ่ม) เป็นที่สุด ได้ยินหลวงปู่พูดเสียงดังหน่อยเดียว หลวงพี่หยองจะตัวสั่นขึ้นมาเฉยๆ ทั้งๆ ที่หลวงปู่อยู่ห่างตั้งไกลและพูดกับใครอยู่ก็ไม่รู้ 

เพราะฉะนั้น อยากเห็นหลวงพี่หยองทำอะไรแปลกๆ ถ้าบอกว่า “หลวงปู่สั่ง” เป็นไม่ผิดหวัง – เรื่องหลวงพี่หยองครองใหญ่นี่ก็ด้วย

พรรษานั้นหลวงพี่หยองเป็นนวกะท้ายแถว เข้าพรรษาได้ไม่กี่วันพระเก่ามีหลวงพี่หนอมเป็นหัวขบวนก็ตีหน้าเคร่งเข้าไปบอกหลวงพี่หยอง 

“คุณหยอง คุณครองใหญ่หรือยัง?” 

“อะ-อะไรนะ” หลวงพี่หยองหน้าตื่น

“ครองใหญ่” หลวงพี่หนอมย้ำ

“ทำ-ทำยังไงนะ” หลวงพี่หยองมีสีหน้ากังวลขึ้นมาฉับพลัน 

“ตอนนี้คุณครองเล็กทุกคืนอยู่แล้วใช่ไหม ก็-ไตรครองคุณนะ คุณครองตอนตีสี่ทุกคืนใช่ไหม” 

“ใช่ ใช่” หลวงพี่หยองพยักหน้า 

“คุณต้องครองใหญ่ด้วย” 

“ทำยังไง ทำยังไง” หลวงพี่หยองกระตือรือร้นมาก ขยับเข้าไปใกล้หลวงพี่หนอม 

“คุณต้องเอาบาตร เสื่อ หมอน มุ้ง กาน้ำ ชามช้อน บริขารอะไรที่คุณใช้ประจำวันนั่นนะมาครองด้วย” พวกพระเก่าช่วยกันอธิบาย 

“พระใหม่ต้องครองใหญ่กันทุกองค์ อย่างน้อยองค์ละคืน หลวงปู่สั่ง” หลวงพี่หนอมย้ำ 

“ครองเมื่อไหร่ เมื่อไหร่” หลวงพี่หยองถาม 

“เตรียมไว้ก็แล้วกัน แล้วผมจะบอก” หลวงพี่หนอมว่า 

—————-

วันนั้นหลังทำวัตรเย็นแล้ว หลวงพี่หยองเที่ยวถามเพื่อนพระและเด็กวัดว่าใครมีเชือกบ้าง ไม่มีใครรู้ว่าหลวงพี่หยองวุ่นวายกับการหาเชือกเอาไปทำอะไร 

ถัดนั้นมาอีกคืนหนึ่ง พอตีสี่ได้เวลาเคาะระฆัง หลวงพี่หนอมก็ย่องไปเคาะประตูห้องหลวงพี่หยอง 

“คุณหยอง คืนนี้หลวงปู่สั่งให้ครองใหญ่นะ” 

มีเสียงหลวงพี่หยองตอบรับรู้ดังมาจากในห้อง 

—————-

ระฆังตีสี่ตีจบ ๓ ลา ได้เวลาพอสมควรที่พระเณรจะออกจากห้องไปขึ้นหอสวดมนต์เพื่อเตรียมทำวัตรเช้ามืด 

ที่ห้องหลวงพี่หยองเกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีเสียงกุกกักขลุกขลักดังที่หน้าประตู พระทั้งหลายเร่เข้าไปดู ก็พบหลวงพี่หยองสะพายบาตรไว้ที่บ่าข้างหนึ่ง เสื่อ หมอน และมุ้งผูกติดไว้ข้างหลัง กาน้ำมีเชือกผูกห้อยไว้กับเอว ชายผ้าอาบห่อชาม ช้อนส้อม และแก้วน้ำ ผูกไว้กับเอวอีกข้างหนึ่ง 

โดยเฉพาะเสื่อที่ผูกไว้ข้างหลังนั้นมีรูปลักษณ์ปานว่าขุนศึกสะพายดาบขัดหลัง และเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้หลวงพี่หยองออกจากประตูห้องไม่ถนัด ต้องขลุกขลักประดักประเดิดอยู่เป็นนานสองนาน 

ใครที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า “บ้าหอบฟาง” มีลักษณาการเป็นเช่นไร เช้ามืดวันนั้นได้มาเห็นสภาพของหลวงพี่หยองก็เป็นอันว่าได้เข้าใจประจักษ์โดยทั่วกันทันที

เช้ามืดวันนั้น พระเณรและเด็กวัดหนองกระทุ่มอยู่ในอาการครึกครื้นกันโดยถ้วนหน้า 

วันนั้นถ้าใครสังเกตสักหน่อยจะเห็นว่า เสียงทำวัตรสวดมนต์ของหลวงพี่หยองที่เคยดังกว่าใครจะดังเบาลงกว่าปกติสักหน่อย หลวงพี่หยองบ่นอุบอิบ แต่ไม่ว่าใครจะหัวเราะล้อเล่นอย่างไร หลวงพี่หยองก็ไม่พูดไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ยิ้มเก้อๆ อย่างเดียว 

—————-

เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหลวงปู่ มีคนได้ยินหลวงปู่บ่นเบาๆ 

“เล่นพิเรนทร์อะไรกันพระพวกนี้” 

คนที่ได้ยินหลวงปู่บ่นบอกด้วยว่า หลวงปู่บ่นไปก็ยิ้มไปด้วย สันนิษฐานกันว่าสมัยเป็นพระหนุ่มชะรอยหลวงปู่คงจะเคยหลอกให้พระใหม่ “ครองใหญ่” แบบนี้มาบ้างแล้วกระมัง

พระสมัยเก่าท่านก็มีอะไรสนุกๆ ประสาพระทำกันไม่น้อยเหมือนกันนะ

เรื่องหลวงพี่หยองครองใหญ่เป็นเรื่องเล่าที่ครึกครื้นของชาววัดหนองกระทุ่มสืบต่อมาอีกนาน

………….

วันที่ ๑๓ เบื้องหน้าแต่พรรษากาล

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๙ สิงหาคม ๒๕๖๑

๑๒:๑๒

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *