บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

บทความชุด :

ถ้าจะรักษาพระศาสนา

จงรักษาวิถีชีวิตสงฆ์

-๓-

ผลจากการไม่ศึกษาพระธรรมวินัย

—————————-

ขออภัยที่จะต้องกล่าวตามตรงว่า ทุกวันนี้พระภิกษุสามเณรที่ไม่รู้พระธรรมวินัยมีมากขึ้น 

ที่รู้ แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม-กล่าวคือไม่ดำรงชีวิตตามวิถีชีวิตสงฆ์ หากแต่ยกเหตุผลความจำเป็นนั่นนี่โน่นขึ้นมาอ้าง-ก็มีมากขึ้น สามารถเห็นได้ทั่วไปจนดูเป็นเรื่องปกติ 

จนในที่สุดจะกลายเป็นว่าไม่มีใครรู้จักวิถีชีวิตที่แท้จริงของสงฆ์-ตามพระธรรมวินัย 

ยกตัวอย่างในบางเรื่อง เช่น-การออกบิณฑบาต 

ปัจจุบันพระภิกษุสามเณรส่วนหนึ่ง-ซึ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ-ไม่ต้องออกบิณฑบาตก็มีอาหารฉัน 

การไม่ออกบิณฑบาตกลายเป็นชีวิตปกติ 

การออกบิณฑบาตเสียอีกกลายเป็นชีวิตที่ผิดปกติ หรือบางทีกลายเป็นเรื่องตื่นเต้น เห็นเป็นความพิเศษ เอาไปยกย่องชื่นชม ทั้งๆ ที่เป็นกิจที่พระเณรต้องทำเป็นปกติแท้ๆ

เพราะไม่ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจถ่องแท้ เวลานี้ก็เริ่มมีกระแสความคิดว่า สังคมเปลี่ยนไป วิถีชีวิตสงฆ์จำเป็นต้องเปลี่ยน จะให้ทำอะไรเหมือนสมัยพุทธกาลทุกอย่างไม่ได้อีกแล้ว 

ความจริงก็คือ-ไม่มีใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เราบอกกันแต่ว่าเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องไม่ทำลายหลักการ 

ถ้าพระเณรเห็นว่าทุกมื้อซื้อฉันสะดวกกว่า จะเกิดอะไรขึ้น

พระเณรก็จะไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาพระธรรมวินัย-อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องธรรมเนียมหรือกิจวัตรในการบิณฑบาต เพราะเมื่อไม่ออกบิณฑบาตก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้กิริยามารยาทและวัฒนธรรมในการบิณฑบาต

ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องมีบาตร 

ต่อไปอีก บาตรอันเป็น ๑ ในอัฐบริขารที่ต้องมีครบในเวลาอุปสมบทก็จะมีไว้พอเป็นพิธี 

แทนที่จะสนใจเรื่องการบิณฑบาต พระเณรก็จะสนใจแต่ว่า-จะได้เงินจากไหนมาซื้ออาหารประจำวัน

จากวิธีดำรงชีพด้วยการแสวงหาอาหารจากชาวบ้าน

เปลี่ยนไปเป็นแสวงหาเงินเพื่อเป็นค่าอาหาร

ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา = ชีวิตนักบวชอาศัยโภชนะที่ได้มาด้วยปลีแข้ง-หลักการพื้นฐานของวิถีชีวิตสงฆ์ก็ถูกทำลาย 

ที่ร้ายกว่านั้นก็คือเดี๋ยวนี่เกิดวิธีบิณฑบาตแปลกๆ เช่น – 

ยืนบิณฑบาต 

และเวลานี้ก้าวหน้าเป็นนั่งบิณฑบาตด้วยแล้ว

บิณฑบาตหมุนเวียน สมประโยชน์กับแม่ค้า

บิณฑบาตเอาไปขาย เอาไปเลี้ยงครอบครัว

ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็คือบิณฑบาตเงิน

นี่เป็นจุดเล็กๆ จุดเดียวที่สามารถทำลายพระศาสนาได้อย่างคาดไม่ถึง

เพราะความไม่รู้ ชาวบ้านก็ตกเป็นเหยื่อ-ด้วยการสนับสนุนพระเณรที่กระทำเช่นนั้น

ทางแก้ก็คือต้องจัดการศึกษาพระธรรมวินัย-จัดอย่างเป็นการฝึกศึกษาจริงๆ เรียนรู้แล้วปฏิบัติในชีวิตจริง 

เป็นการศึกษาเพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง

ไม่ใช่การศึกษาเพื่อสอบได้-อย่างที่เรากำลังหลงทางกันจนกู่ไม่กลับอยู่ในเวลานี้

จะจัดการศึกษาเพื่อสอบได้ เพื่อสถิติ เพื่อวุฒิ เพื่อปริญญาอะไรก็ตาม-แบบที่ชาวโลกเขาจัดกัน-ก็ยังต้องจัดไปถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องจัด 

แต่การศึกษาเพื่อให้มีความรู้ที่ถูกต้องแล้วเอาความรู้ไปเป็นพื้นฐานแห่งการประพฤติปฏิบัติ เพื่อการดำรงวิถีชีวิตสงฆ์ จะต้องจัดให้มีขึ้นในชีวิตจริง 

ไม่ว่าจะสอบได้กี่ประโยค

ไม่ว่าจะสอบผ่านปริญญากี่ดีกรี กี่ใบ

ไม่ว่าจะบรรยายพระธรรมจำพระวินัยได้แม่นยำขนาดไหน พูดคล่องขนาดไหน

ถ้าไม่ได้อัญเชิญพระธรรมวินัยมาปฏิบัติจริงในชีวิตจริง-ในชีวิตประจำวัน

ไม่ได้ดำรงชีวิตตามแบบแผนตามวิถีชีวิตสงฆ์ที่ถูกต้อง

ก็ต้องถือว่า-ยังเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาแต่ประการใดๆ ทั้งสิ้น

กิจเช่นนี้ควรเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะต้องจัดต้องทำต้องดำเนินการกับพระภิกษุสามเณรผู้เป็นสมาชิกขององค์กร แล้วเผยแผ่ให้แพร่หลายออกไปสู่ประชาชน 

ให้ชาวบ้านรู้พระธรรมวินัยไปพร้อมๆ กับชาววัด

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔

๑๐:๕๔

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *