สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕
สารัตถปกาสินี ภาค ๒ หน้า ๓๑๘-๓๒๔
พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๐-๖๓๘
——————————
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕
[๕๓๑] เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส
อาราเม ฯ อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เยน ภควา
เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ
โก นุ โข ภนฺเต เหตุ โก ปจฺจโย เยน ปุพฺเพ อปฺปตรานิ
เจว สิกฺขาปทานิ อเหสุํ พหุตรา จ ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหึสุ
โก ปน ภนฺเต เหตุ โก ปจฺจโย เยเนตรหิ พหุตรานิ เจว
สิกฺขาปทานิ อปฺปตรา จ ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหนฺตีติ ฯ
[๕๓๒] เอวญฺหตํ๑ กสฺสป โหติ สตฺเตสุ หายมาเนสุ สทฺธมฺเม
อนฺตรธายมาเน พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ อปฺปตรา จ
ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหนฺติ น ตาว กสฺสป สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ
โหติ ยาว น สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ ยโต จ
โข กสฺสป สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ อถ สทฺธมฺมสฺส
อนฺตรธานํ โหติ ฯ เสยฺยถาปิ กสฺสป น ตาว ชาตรูปสฺส
#๑ ม. เอวญฺเจตํ ฯ
อนฺตรธานํ โหติ ยาว น ชาตรูปปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ ยโต
จ โข กสฺสป ชาตรูปปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ อถ ชาตรูปสฺส
อนฺตรธานํ โหติ ฯ เอวเมว โข กสฺสป น ตาว สทฺธมฺมสฺส
อนฺตรธานํ โหติ ยาว น สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ
ยโต จ โข กสฺสป สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ อถ
สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
[๕๓๓] น โข กสฺสป ปฐวีธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ น
อาโปธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ น เตโชธาตุ สทฺธมฺมํ
อนฺตรธาเปติ น วาโยธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ อถโข อิเธว เต
อุปฺปชฺชนฺติ โมฆปุริสา เย อิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺติ เสยฺยถาปิ
กสฺสป นาวา อาทิเกเนว โอปิลาวติ๑ ฯ น โข กสฺสป เอวํ
สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
[๕๓๔] ปญฺจ โขเม กสฺสป โอกฺกมนิยา ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส
สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ กตเม ปญฺจ ฯ อิธ กสฺสป
ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ อคารวา วิหรนฺติ
อปฺปติสฺสา ธมฺเม อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา สงฺเฆ อคารวา
วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา สิกฺขาย อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา สมาธิสฺมึ
อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา ฯ อิเม โข กสฺสป ปญฺจ โอกฺกมนิยา
ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ
[๕๓๕] ปญฺจ โขเม กสฺสป ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ฐิติยา
#๑ ม. ยุ. โอปิลวติ ฯ
อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ กตเม ปญฺจ ฯ อิธ
กสฺสป ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย สตฺถริ สคารวา
วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา ธมฺเม สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา สงฺเฆ
สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา สิกฺขาย สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา
สมาธิสฺมึ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา ฯ อิเม โข กสฺสป
ปญฺจ ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ฐิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย
สํวตฺตนฺตีติ ฯ เตรสมํ ฯ
กสฺสปสํยุตฺตํ จตุตฺถํ นิฏฺฐิตํ ฯ
ตสฺส อุทฺทานํ
สนฺตุฏฺฐญฺจ อโนตฺตาปี จนฺทูปมํ กุลูปกํ
ชิณฺณํ ตโย จ โอวาทา ฌานาภิญฺญา อุปสฺสยํ
จีวรํ ปรมฺมรณํ สทฺธมฺมปฏิรูปกนฺติ ฯ
____________
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 630
๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป
[๕๓๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ครั้งนั้น ท่านพระ-
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 631
มหากัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว
ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นท่านพระมหากัสสปนั่ง
เรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล
เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อยและภิกษุตั้งอยู่ในพระ
อรหัตผลมีมาก และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บัดนี้สิกขาบทมีมาก
และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย.
[๕๓๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนกัสสป ข้อนั้นเป็น
อย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบท
จึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่
เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และ
สัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลื่อนหายไป
ทองเทียมยิ่งไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่
หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไปฉันใด
พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบ
นั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลื่อนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อใด
เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป.
[๕๓๓] ดูก่อนกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่
ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้
ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหากเกิด ขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป
เปรียบเหมือนเรือจะอับปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่
เลือนหายไป ด้วยประการฉะนี้.
[๕๓๔] ดูก่อนกัสสป เหตุฝ่ายดำ ๕ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็น
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ – หน้าที่ 632
ไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ
ฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ใน
พระสงฆ์ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุฝ่ายดำ ๕ ประการเหล่านี้แล
ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือนเพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม.
[๕๓๕] ดูก่อนกัสสป เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไป
พร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ
๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัย
นี้ มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑
ในสิกขา ๑ ในสมาธิ ๑ เหตุ ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปพร้อม
เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม.
จบสัทธรรมปฏิรูปกสูตรที่ ๑๓
จบกัสสปสังยุตที่ ๔
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. สันตุฏฐสูตร ๒. อโนตตัปปิสูตร ๓. จันทูปมสูตร
๔. กุลูปกสูตร ๕. ชิณณสูตร ๖. ปฐมโอวาทสูตร
๗. ทุติยโอวาทสูตร ๘. ตติยโอวาทสูตร ๙. ฌานาภิญญาสูตร
๑๐. ภิกขุนูปัสสยสูตร ๑๑. จีวรสูตร ๑๒. ปรัมมรณสูตร
๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร.