บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ปัญหาเรื่องการเรียนบาลี (๑)

ปัญหาเรื่องการเรียนบาลี (๑)

————————–

พระคุณเจ้ารูปหนึ่ง อายุ ๔๐ กว่า บอกเล่าและขอคำแนะนำว่า ท่านรักเรียนบาลี แต่สมองไม่ดี ท่องจำไม่เก่ง จะทำอย่างไรดี ช่วยแนะนำหน่อย

ผมก็แนะนำไปเท่าที่พอจะมีสติปัญญา แต่คงจะแก้ปัญหาไม่ได้หมด หรือแก้ไม่ได้มาก หรืออาจแก้ไม่ได้เลย ถ้าเปรียบกับเป็นโรคก็คงจะทำได้แค่ทายาพอประทังอาการ แต่รักษาไม่หาย

ผมมานึกดูว่า ปัญหาทำนองนี้ หรือถ้าจะคิดให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็น่าเรียกว่า “ปัญหาเรื่องการเรียนบาลี” นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าคิดคำนึงว่า เราจะแก้ไขกันอย่างไรดี

ผมจะลองประมวลมาเท่าที่นึกได้ 

…………………..

๑ ปัญหาส่วนตัวของนักเรียน เช่นสติปัญญาไม่ดี ท่องไม่เก่ง จำไม่ค่อยได้ จะช่วยได้อย่างไร

เรื่องท่องไม่เก่งนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่มากถ้าเอาไปผูกเข้ากับทฤษฎีการเรียนสมัยใหม่ที่บอกว่า การท่องจำไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ถึงกับมีการดูถูกดูแคลนการเรียนบาลีหรือการเรียนทางธรรมที่นิยมสอนให้ท่องจำว่า-เป็นพวกนกแก้วนกขุนทอง ดีแต่สอนให้ท่องจำ แต่คิดอะไรเองไม่เป็น

นักเรียนบาลีล้วนถูกบังคับให้ท่องจำมาแล้วทุกคน อย่างน้อยก็ท่องแบบแจก สิ โย อํ โย ปุริโส ปุริสา ซึ่ง สู่ ยัง สิ้น ด้วย โดย อัน ตาม เพราะ มี …

สมัยผมเรียน (๒๕๐๖) เริ่มด้วยท่องบาลีไวยากรณ์ชุดที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเรียบเรียง อาศัยครูบาอาจารย์และรุ่นพี่แนะนำว่า ตรงนี้ท่อง ตรงนี้ไม่ต้องท่อง เรียกกันว่า “ท่องหลัก” รวมข้อความที่ต้องท่องแล้วมีปริมาณมากมาย 

เมื่อท่องหลักได้แล้ว ฟังคำอธิบายประกอบจากครูบาอาจารย์ ก็เข้าใจ เป็นหลักความรู้ที่ตกผลึกติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เป็นภาระในการจำอีกต่อไป แต่ไม่ลืม 

ตกมาถึงสมัยนี้เกิดมีตำราคู่มือสำหรับท่องจำโดยเฉพาะ โดยอาจารย์สำนักต่างๆ ผลิตขึ้น ไม่ใช่คณะสงฆ์ที่รับผิดชอบเรื่องการเรียนบาลีเป็นผู้ผลิต ตรงนี้คือข้อที่น่าคิดคำนึง

คณะสงฆ์ที่รับผิดชอบเรื่องการเรียนบาลีไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการช่วยเหลือนักเรียนที่มีสติปัญญาไม่ดี แต่มีใจรักที่จะเรียนบาลี แต่กลายเป็นว่าอาจารย์สำนักนั่นบ้างสำนักโน้นบ้างสร้างตำราคู่มือขึ้นมาช่วย นักเรียนบาลีก็ต้องขวนขวายช่วยตัวเองกันไปแบบตัวใครตัวมัน

ปัญหานี้ ถ้าคณะสงฆ์หาวิธีช่วยเหลือเสียเองก็จะเป็นการดีนักหนา เช่นผลิตตำราที่มีมาตรฐานของคณะสงฆ์ออกมาช่วย กำหนดมาตรการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ เช่นบริการแนะแนว บริการให้คำปรึกษา ตั้งหน่วยงานขึ้น นักเรียนบาลีรู้ได้เลยว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้จะไปขอคำแนะนำหรือขอความช่วยเหลือจากคณะสงฆ์ได้ที่ไหน แทนที่จะมะงุมมะงาหรางมหาทางแก้ปัญหาเอาเองอย่างที่กำลังเป็นอยู่

…………………..

กลับมาที่ปัญหาการเรียนบาลีโดยวิธีท่องจำ 

ถ้าไม่ใช้วิธีท่องจำ เราจะมีวิธีเรียนแบบไหน ที่เรียนทะลุตั้งแต่ประโยค ๑-๒ จนถึง ป.ธ.๙ โดยไม่ต้องท่องจำเลยแม้แต่ตัวเดียว

ผมว่าจะต้องจับเข่าคุยกันให้เคลียร์ว่า “ท่องจำ” หมายความแค่ไหนอย่างไร 

“ท่องจำ” ตามหลักที่นักเรียนบาลีใช้กันอยู่ คือ ท่องเฉพาะหลัก หรือสูตร หรือกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ไม่ใช่ตั้งแต่ประโยค ๑-๒ จนถึง ป.ธ.๙ ท่องเอาทุกสิ่งทุกอย่างแบบไม่ต้องคิดอะไรเองเลย แบบที่นักการศึกษาสมัยใหม่อาจจะกำลังเข้าใจผิดๆ

นักเรียนบาลียังจะต้องท่องจำกันอยู่ หรือว่าเลิกระบบท่องจำได้แล้ว ใช้ระบบใหม่ได้แล้ว 

ระบบใหม่คือระบบไหน แบบไหน ถ้าใครคิดระบบใหม่ได้แล้วก็นำเสนอสู่สายตาโลกมาเลย นักเรียนบาลีจะได้ใช้ระบบนั้น เรียนสบาย ได้ประโยค ๙ ง่ายกว่าระบบเดิม ความรู้แน่นกว่าระบบเดิม ค้นคว้าพระไตรปิฎกได้แตกฉานช่ำชองกว่าเรียนระบบเดิม 

เสนอออกมาเลย 

หรือว่าเอาเข้าจริงก็ยังทำไม่ได้ ยังไม่มีระบบใหม่อะไรที่ว่านั่น เป็นเพียงอาการดิ้นรนที่อยากจะสอบได้ (ได้ใบรับรอง) ง่ายๆ โดยไม่ต้องเรียนยากๆ

…………………..

ปัญหาส่วนตัวของนักเรียน นอกจากระดับสติปัญญาแล้วน่าจะยังมีอย่างอื่นอีก อยากเรียนบาลี แต่เพราะมีปัญหาจึงไม่ได้เรียน คณะสงฆ์ควรช่วยเหลืออย่างไร

นึกถึงการบริหารงานคณะสงฆ์ของเดิมแบ่งออกเป็น ๔ ด้าน คือ การปกครอง การศาสนศึกษา การเผยแผ่ และการสาธารณูปการ แล้วต่อมาเพิ่มอีก ๒ ด้าน คือ การศึกษาสงเคราะห์ และการสาธารณสงเคราะห์

การศึกษาสงเคราะห์นั้นเท่าที่ทำกันอยู่เน้นที่การช่วยเหลือเกื้อกูลให้เด็กที่ขัดสนขาดแคลนได้รับการศึกษาสะดวกขึ้น เช่นให้ทุนการศึกษา ส่งเสียเด็กเป็นรายบุคคล นี่คืองานที่คณะสงฆ์ทำอยู่

ผมว่าคณะสงฆ์น่าจะลืมคนของคณะสงฆ์เองไปเสียสนิท นั่นคือสงเคราะห์พระเณรให้ได้เรียนบาลีสะดวกขึ้น 

ก่อนเรียน ขณะเรียน มีปัญหาอะไร คณะสงฆ์มีหน่วยงานที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด  (๑) การศาสนศึกษา และ (๒) การศึกษาสงเคราะห์ ๒ แรงร่วมด้วยช่วยกันได้สบายอยู่แล้ว

แต่ ณ วันนี้หน่วยงานที่่จะทำงานที่ว่านี้ยังไม่มี

นักเรียนบาลีมีปัญหา ก็แก้ปัญหากันเอาเอง เช่นถามมาที่อาจารย์ทองย้อยเป็นต้น-ซึ่งแทบจะช่วยแก้ปัญหาอะไรให้ไม่ได้เลย 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔

๑๖:๐๖

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *