น หิ (บาลีวันละคำ 3,336)
น หิ
บาลีที่ยังไม่ตาย
อ่านว่า นะ หิ
“น หิ” เป็นคำบาลี 2 คำ คือ “น” คำหนึ่ง “หิ” คำหนึ่ง
(๑) “น”
บาลีอ่านว่า นะ เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ
นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “น ไม่ โน ไม่ มา อย่า ว เทียว” (น [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, ว [วะ] = เทียว)
“น” เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
(๒) “หิ”
อ่านว่า หิ เป็นคำจำพวก “นิบาต” เช่นเดียวกับ “น” ตำราบาลีไวยากรณ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กล่าวถึงคำจำพวก “นิบาต” ไว้ว่า –
…………..
นิบาตนั้นสำหรับลงในระหว่างนามศัพท์บ้าง กิริยาศัพท์บ้าง บอกอาลปนะ กาล ที่ ปริเฉท อุปไมย ปฏิเสธ ความได้ยินเล่าลือ ความปริกัป ความถาม ความรับ ความเตือน เป็นต้น ข้าพเจ้าจัดรวมไว้เป็นพวกๆ พอเป็นที่สังเกต
…………..
ตำราบาลีไวยากรณ์ดังกล่าวจัด “หิ” ไว้ในกลุ่มนิบาตที่เรียกว่า “นิบาตสำหรับผูกศัพท์และประโยคมีอัตถะเป็นอเนก”
นิบาตกลุ่มนี้ที่นักเรียนบาลีคุ้นปากมากที่สุด คือ “หิ จ ปน” (หิ / จะ / ปะนะ) คำแปลที่จำติดปากกันมา คือ
หิ = ก็, จริงอยู่, เพราะว่า
จ = ด้วย, อนึ่ง, ก็, จริงอยู่
ปน = ส่วนว่า, ก็
นิบาต 3 ตัวนี้มักเรียกกันว่า “นิบาตต้นข้อความ” เพราะจะอยู่เป็นคำที่ 2 ในประโยคเสมอ เวลาแปลยกศัพท์ในชั้นเรียน ถ้าเห็น “หิ จ ปน” อยู่ต้นประโยค จะต้องยกขึ้นแปลก่อนคำอื่น คำแปลเป็นสามัญที่สุด-ถ้ายังนึกอะไรไม่ออก ก็คือ –
หิ = ก็
จ = ก็
ปน = ก็
คือยังนึกอะไรไม่ออกก็ “ก็” ไว้ก่อน (เทียบความหมายกับคำอังกฤษก็น่าจะคล้ายๆ กับ and, then, now) เทคนิคนี้นักเรียนบาลีรุ่นเก่าเข้าใจซาบซึ้งดี
อธิบายขยายความ :
ในที่นี้ “น” กับ “หิ” มาคู่กันเป็น “น หิ” นักเรียนบาลีของเรามักเข้าใจว่า “หิ” ก็ยังคงเป็น “นิบาตต้นข้อความ” แต่โดยหลักนิยมและโดยอรรถรสของภาษาแล้ว “หิ” ที่มาคู่กับ “น” เช่นนี้ทำหน้าที่เน้นย้ำให้ “น” มีความหมายเข้มข้นขึ้น คือแปลว่า ไม่เลย, ไม่ใช่เลย, ไม่ใช่หรือไม่ได้อย่างแน่นอน (certainly not, not at all) นั่นคือ “หิ” มีอรรถเท่ากับ “ว” (วะ) = เทียว หรือ “เอว” (เอ-วะ) = นั่นเทียว (ว, เอว = even, just [so], only; for sure, certainly – ดู The Pali Text Society’s Pali-English Dictionary)
“น หิ” คำนี้เป็นบาลีที่ยังไม่ตาย เพราะในภาษาฮินดียังใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน ใครที่ไปอินเดียย่อมจะต้องได้ยินเสมอ สำเนียงอินเดียออกเสียงเป็น นา-ฮิ แต่ปกติจะพูดเร็ว ได้ยินเสียงเหมือนคำไทยว่า “ไหน”
ลองออกเสียง “น หิ” > นะ-หิ > นา-ฮิ > ไหน : ในภาษาฮินดีมีความหมายตรงกับบาลี คือไม่, ไม่ใช่ (no, not)
แต่ในบาลี “น หิ” มีความหมายว่า ไม่เลย, ไม่ใช่เลย, ไม่ใช่หรือไม่ได้อย่างแน่นอน (certainly not, not at all)
…………..
ขอยกสำนวนบาลีที่มีคำว่า “น หิ” อยู่ในประโยคมาเสนอไว้ในที่นี้เพื่อเจริญปัญญา
…………..
[1] น หิ เวเรน เวรานิ
สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
อเวเรน จ สมฺมนฺติ
เอส ธมฺโม สนนฺตโน.
แต่ไหนแต่ไรมา ในโลกนี้
เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย
แต่ย่อมระงับเพราะไม่จองเวร
นี้เป็นกฎธรรมดามีมาเก่า
– โกสัมพีขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 247 หน้า 336
– อุปกิเลสสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 443 หน้า 297
– ยมกวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 11
[2] อนานุวชฺโช ปฐเมน สีลโต
อเวกฺขิตาจารสุสํวุตินฺทฺริโย
ปจฺจตฺถิกา โนปวทนฺติ ธมฺมโต
น หิสฺส ตํ โหติ วเทยฺยุ เยน นํ.
เบื้องต้นภิกษุไม่ถูกตำหนิโดยศีล
หมั่นตรวจมรรยาทและสำรวมอินทรีย์เรียบร้อย
ฝ่ายตรงข้ามย่อมติเตียนไม่ได้โดยธรรม
เธอไม่มีความผิดที่ฝ่ายนั้นจะพึงกล่าวหาได้เลย
– โกสัมพีขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 260 หน้า 354
[3] มา จ มโท มา จ ปมาโท
น หิ ปมตฺตา สุคตึ วชนฺติ เต
ตฺวญฺเญว ตถา กริสฺสสิ
เยน ตฺวํ สุคตึ คมิสฺสสิ.
เจ้าอย่าเมาและอย่าประมาท
คนผู้ประมาทแล้วจะไปสุคติไม่ได้เลย
ไปสุคติได้โดยประการใด
เจ้านั่นแหละจงทำโดยประการนั้นเถิด
– สังฆเภทขันธกะ วินัยปิฎก จุลวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 379 หน้า 189 (พระพุทธองค์ตรัสกับช้างนาฬาคิรี)
[4] ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต.
ขันติคือความอดทน เป็นตบะอย่างยอด
นิพพาน ท่านผู้รู้กล่าวว่าเป็นยอด
ผู้ที่ยังทำร้ายผู้อื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นบรรพชิตเลย
ผู้ที่ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ ไม่จัดว่าเป็นสมณะ
– มหาปทานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 54 หน้า 57
– พุทธวรรค ธรรมบท พระไตรปิฎกเล่ม 25 ข้อ 24
[5] สุณนฺตุ โภนฺโต มม เอกวากฺยํ
อมฺหาก พุทฺโธ อหุ ขนฺติวาโท
น หิ สาธุยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส
สรีรภาเค สิย สมฺปหาโร.
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงฟังข้าพเจ้าพูดสักคำ
พระพุทธเจ้าของพวกเราเป็นผู้กล่าวสรรเสริญขันติ
การจะสัมประหารกันเพราะส่วนพระสรีรธาตุ-
ของผู้เป็นอุดมบุคคลเช่นนี้ ไม่ดีเลย
– มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 158 หน้า 192
[6] น หิ ชาตุ โส มมํ หึเส
อญฺญํ วา ปน กญฺจิ นํ
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ
รกฺเขยฺย ตสถาวเร.
ผู้ที่เป็นศัตรูไม่พึงเบียดเบียนเรา
หรือใครๆ อื่นนั้นเลย
ผู้ประลุความสงบอย่างยิ่งแล้ว
พึงรักษาไว้ได้ทั้งผู้ที่หวาดหวั่นและผู้ที่มั่นคง
– อังคุลิมาลสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม 13 ข้อ 534 หน้า 487
[7] อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ
โก ชญฺญา มรณํ สุเว
น หิ โน สงฺครนฺเตน
มหาเสเนน มจฺจุนา.
ควรรีบทำความเพียรในวันนี้
ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่ง
ไม่มีเลยที่เราทั้งหลายจะต่อกร –
กับมัจจุราชผู้มีไพร่พลเพียบพร้อมนั้นได้
– ภัทเทกรัตตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม 14 ข้อ 527 หน้า 348
…………..
ดูก่อนภราดา!
น หิ กมฺมผลํ กมฺม–
การี สกฺกา นิเสธิตุํ.
: ผู้ทำกรรม
: ไม่อาจปฏิเสธผลกรรมได้เลย
#บาลีวันละคำ (3,336)
31-7-64