กำแพงกั้นความพินาศ
กำแพงกั้นความพินาศ
———————–
คำบาลีในภาพประกอบ ๒ วรรค
ฐานํ สกสฺมึ วิสเย วิลาโส
ฐานํ ปรสฺมึ วิสเย วินาโส.
แปลตามศัพท์ว่า –
การดำรงอยู่ในวิสัยของตน เป็นความพิลาส
การดำรงอยู่ในวิสัยของคนอื่น เป็นความพินาศ
แปลสกัดความว่า –
เราเป็นเรา เราพิลาส
เราเป็นเขา เราพินาศ
—————-
สมัยผมเป็นอนุศาสนาจารย์กรมทหารราบที่สาม กรมนาวิกโยธิน (นามหน่วยในสมัยนั้น ปัจจุบันเป็น-หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน) ค่ายจุฬาภรณ์ จังหวัดนราธิวาส ตกเย็นๆ ค่ำๆ มักจะถูกชวนไปเที่ยวตลาด
เพื่อสัมพันธไมตรีอันดี ผมก็มักจะไม่ปฏิเสธ
ท่านอาจารย์นาวาอากาศเอกแย้ม ประพัฒน์ทอง อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ทหารอากาศสอนผมไว้ว่า –
“เขาชวน คุณก็ไปกับเขา แต่ไม่ต้องทำเหมือนเขา”
ผมปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์แย้มอย่างเคร่งครัด
เขาเมาเหล้า ผมเมาโค้ก เมาไวตามิลค์
เขาพาคุณตัวขึ้นห้อง ผมนั่งมองหน้าประตู
ก็รักษาตัวรอดปลอดภัยมาโดยตลอด
—————-
สมัยเป็นอนุศาสนาจารย์โรงเรียนนายเรือ นายทหารผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านเป็นผู้อำนวยการกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ชวนผมไปกินเหล้าโดยใช้หลักตรรกะอย่างง่ายๆ
: ทหารกินเหล้าได้
: อนุศาสนาจารย์เป็นทหาร
: เพราะฉะนั้น อนุศาสนาจารย์กินเหล้าได้
แต่ผมไม่เคยตกหลุมพรางตรรกะของท่านสักครั้งเดียว
ก็รักษาตัวรอดปลอดภัยมาโดยตลอด
—————-
อนุศาสนาจารย์ของกองทัพไทย ไม่ว่าจะอยู่เหล่าทัพไหนหรืออยู่ที่ไหน ถือจรรยาบรรณตรงกัน คือต้องรักษาศีลห้าตลอดเวลา
ถ้าอนุศาสนาจารย์ร่วมวงกินเหล้าตามคำชวนของทหารหรือของใครก็ตาม ความเป็นอนุศาสนาจารย์ก็บกพร่อง จนถึงสูญเสียสถานภาพไปเลย
ท่านพันเอก ประสาธน์ กองธรรม อดีตผู้อำนวยการกองอนุศาสนาจารย์ทหารบกเคยกล่าวไว้ว่า –
เราเป็นเรา เราพิลาส
เราเป็นเขา เราพินาศ
หมายความว่า เราต้องดำรงหลักการของเราไว้ ถ้าไปเปลี่ยนแปลงหลักการคือไปทำตามเขา เราก็ไม่เหลืออะไรที่เป็น “ดี” ของเรา
—————-
ผมเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้พระเณรเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่พูดกันเป็นคำรวมว่า-เรียนทางโลก
เหตุผลของผมก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ ชาวบ้าน-โดยเฉพาะชาวบ้านที่เรียนสูงหน่อย-มีแนวโน้มที่จะดูแคลนพระเณรว่าโง่ ว่าเซ่อ รู้ไม่ทันโลก รู้ไม่เท่าพวกเขา
อย่างที่เขาคุยกันในวงเหล้าวงข้าวของเขาว่า
“พวกมหานะเรอะ ต้องไปสมัครงานที่เมืองพาราณสีโน่น”
แล้วก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง
พระเณรที่เรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์จะทำให้คนพวกนั้นไม่กล้าดูถูกดูแคลนอีกต่อไป
การเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์ยังช่วยเปิดโลกทัศน์ของพระเณรให้กว้างไกลอีกด้วย
แต่พระเณรจะต้องมีจุดยืนที่ถูกต้องของตนเอง และต้องรักษาจุดยืนนั้นไว้ให้มั่นคง
จุดยืนนั้นคือพระธรรมวินัย
ถ้าแยกย่อยเป็นรูปธรรมก็คือ –
การรักษาสมณสารูปให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส
การปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ให้สมบูรณ์บริบูรณ์
การรักษาสิกขาบทวินัยอย่างเคร่งครัด
เรียกรวมๆ ว่า วัตรปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษารูปแบบจารีตประเพณีวิถีชีวิตของสงฆ์ไทยไว้ให้มั่นคง
โปรดระลึกถึงหลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน หลวงปู่เทศก์ หลวงปู่ชา หลวงพ่อจรัญ และหลวงปู่หลวงพ่ออะไรอีกมากมายที่ประชาชนเคารพนับถือ
เขาไม่ได้เคารพนับถือเพราะท่านเรียนจบประโยคนักธรรมบาลีสูงๆ หรือเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์จบปริญญาตรีโทเอก
แต่เคารพนับถือที่วัตรปฏิบัติของท่าน
และวัตรปฏิบัติของท่านนั้นไม่ได้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเหล่านั้นอย่างเดียว หากแต่เป็นสมบัติสาธารณะที่พระเณรทั้งปวงสามารถปฏิบัติได้-และควรต้องปฏิบัติได้-โดยถ้วนทั่วด้วย
ลองนึกดูเถิด
วัตรปฏิบัติก็เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาน่าเลื่อมใส
ความรู้ทั้งทางธรรมทางโลก ใครก็ดูถูกดูแคลนไม่ได้
พระเณรที่เรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์จึงมีโอกาสดีกว่าหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายเป็นอันมาก
ขึ้นอยู่กับว่า จะคว้าโอกาสนั้นไว้
หรือว่าจะทิ้งโอกาส-ซึ่งก็เท่ากับทิ้งตัวเอง
และ-ซึ่งก็เท่ากับทำลายตัวเองไปด้วย
ไปเรียนความรู้ของเขา
แล้วไปทำเหมือนเขา จนสูญเสียสภาพของตัวเอง
—————-
พระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ราชบุรี ท่านปรับทุกข์ให้ผมฟังเนืองๆ ว่า พระสมัยนี้ไม่หิ้วย่าม แต่สะพายกระเป๋าเหมือนที่ชาวบ้านเขานิยมทำกัน
ผมก็เลยปรับทุกข์กลับไปให้ท่านฟังบ้างว่า มหาวิทยาลัยสงฆ์จัดพิธีรับปริญญาบัตรตามรูปแบบของมหาวิยาลัยทางโลกทุกอย่าง ต่างกันที่เครื่องแต่งตัวเท่านั้น
ซ้ำมีการมอบช่อดอกไม้ ชักรูปกันกรี๊ดกร๊าดไม่ต่างอะไรกันเลย
อีกไม่นานพระเณรคงจะสวมครุยรับปริญญาเหมือนชาวบ้านเป็นแน่
พระเดชพระคุณฟังแล้วก็หัวเราะจนไหล่กระเพื่อม
หลวงพ่อท่านมีวิธีแสดงความสังเวชใจตามบุคลิกของท่าน
—————-
เมื่อปลายแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ มีพระราชปรารภว่า ….
… การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว …
สาระแห่งพระราชปรารภนี้ก็คือ ให้ไทยเราเรียนเพื่อเอาความรู้จากฝรั่ง
แต่ไม่ใช่เรียนเพื่อจะเป็นฝรั่ง
……………….
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ ๕ มีพระราชดำรัสว่า
… พึงนึกในใจว่า
“เราไม่ได้มาเรียนจะเป็นฝรั่ง
เราเรียนเพื่อเป็นคนไทย
ที่มีความรู้เสมอฝรั่ง” …
—————-
ฝรั่งไม่ได้นับถือเราตรงที่เราทำตัวเหมือนฝรั่ง
แต่นับถือความเป็นไทยของเรา ฉันใด
ชาวบ้านก็ไม่ได้นับถือพระเณรตรงที่เรียนทางโลกแล้วเลยทำเหมือนชาวบ้านไปด้วย
หากแต่นับถือตรงที่วัตรปฏิบัติอันดีงามตามแบบฉบับของสมณะในพระพุทธศาสนา ฉันนั้น
ความพิลาสกับความพินาศอยู่ใกล้กันอย่างที่สำนวนพูดว่า-เส้นยาแดงผ่าแปด
มีพระธรรมวินัยเท่านั้นที่เป็นกำแพงกั้นไว้
ถ้าไม่รักษากำแพงไว้ให้ดี
ความพิลาสก็พินาศทันที
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒
๑๑:๑๙