เอาหลักพระธรรมวินัย อย่าเอาความเข้าใจส่วนตัว
เอาหลักพระธรรมวินัย อย่าเอาความเข้าใจส่วนตัว
————————————————
เมื่อเร็วๆ นี้ มีญาติมิตรท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ท่านไปเห็นพระตัดต้นไม้ในวัด ท่านเข้าใจว่าผิดวินัย เอาไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าไม่เห็นจะผิดตรงไหน ต้นไม้อยู่ในวัด พระมีหน้าที่ดูแลวัด มีสิทธิ์ตัดได้อยู่แล้ว
นี่แค่ ๒ คน ท่านกับเพื่อนเห็นไม่ตรงกัน
ถ้าเปิดให้แสดงความคิดเห็นเป็นสาธารณะ คงมีความเห็นแตกต่างออกไปอีกมาก
เรื่องเกี่ยวกับพระ ถ้าจับหลักพระวินัยให้ถูกต้องได้ก็ไม่ยาก
พระวินัยมีหลักการทำนองเดียวกับกฎหมาย คือมีองค์ประกอบหรือ “เกณฑ์” ที่ท่านกำหนดไว้ชัดเจนว่า การกระทำเช่นไรผิด เช่นไรไม่ผิด เพราะฉะนั้นจึงไม่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจหรือความเชื่อความเห็นของใคร แต่ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ หรือหลักการ หรือองค์ประกอบที่ท่านกำหนดไว้
ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้คือ คนส่วนมากไม่ได้ศึกษาหลักการที่ท่านกำหนดไว้ แต่เอาความเข้าใจของตัวเองเข้าไปตัดสิน ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง
ก็ทำนองเดียวกับปัญหากฎหมายนั่นแหละ เราจะพูดเอาเองว่าทำอย่างนี้ผิดกฎหมาย ทำอย่างนั้นไม่ผิดกฎหมาย-แบบนี้ไม่ได้ แต่ต้องเอาหลักกฎหมายว่าด้วยเรื่องนั้นๆ มาจับ
อย่างไรผิด-ไม่ผิด วินิจฉัยไปตามหลัก
ไม่ใช่วินิจฉัยไปตามความเข้าใจเอาเอง
บางกรณีความเข้าใจของเราอาจไปตรงกับหลักกฎหมายเข้า แต่จะพูดว่า เห็นไหมเหมือนกับที่ฉันว่าเลย-อย่างนี้ก็ไม่ถูก ที่ถูกจะต้องพูดว่า เห็นไหม กฎหมายเขาว่าไว้อย่างนี้
นั่นก็คือ จะเอา “ที่ฉันว่า” เป็นหลักไม่ได้ ต้องเอากฎหมายเป็นหลักอยู่นั่นเอง ถ้าเอาความเข้าใจของเราเป็นหลัก แล้วเกิดความเข้าใจของเราไม่ตรงกับหลักกฎหมายขึ้นมาล่ะ ทีนี้จะว่าอย่างไร
ตามที่ว่ามานี้จะเห็นได้ชัดแล้วว่า วิธีที่ถูกต้องคือ ศึกษาหลักพระธรรมวินัยอันว่าด้วยเรื่องนั้นๆ ให้เข้าใจชัดเจนก่อน เท่านี้ก็จะทราบได้เองว่าทำอย่างไรผิด-อย่างไรไม่ผิด-ตามหลักพระวินัย (ไม่ใช่ตามความเข้าใจของเรา)
เมื่อพูดว่า-ศึกษาหลักพระธรรมวินัย ภูเขาลูกมหึมาที่ขวางหน้าเราอยู่ก็คือความคิดว่า-ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ธุระ
ชาวบ้านคิด ก็ยังพอว่า แต่ถ้าพระก็คิดอย่างนี้ด้วย ก็แย่เลย
พระพุทธเจ้าท่านฝากพระศาสนาไว้กับพุทธบริษัท คือทั้งพระทั้งชาวบ้าน
แต่ชาวบ้านเราประมาทพลาดพลั้งกันมานานนักหนา-ที่คิดว่าไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ธุระ
ถ้าไม่ปรับกระบวนคิดกันเสียใหม่
ความเสื่อมก็จะมาไวกว่าที่คิด
สำหรับชาวบ้าน ใคร่ขอร้องให้พวกเราช่วยกันศึกษาพระธรรมวินัยให้มากขึ้น ปัญหาขัดแย้งกันอันเนื่องมาจากเอาความเห็นของตัวเองเป็นหลักก็จะน้อยลง
สำหรับพระภิกษุสามเณรผู้จะต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินัยโดยตรง ขอกราบอาราธนาให้มีอุตสาหะศึกษาให้เข้าใจว่า อะไรห้ามทำ อะไรต้องทำ ขอให้เข้าใจว่านี่เป็นภารกิจหลักของวิถีชีวิตสงฆ์ เรื่องอื่นเป็นภารกิจรอง ทำได้ดังนี้ก็จะปฏิบัติได้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ไม่เป็นเหตุให้ต้องมีเรื่องนำมาถกเถียงกันวุ่นวาย ตรงกันข้าม จะยิ่งนำมาซึ่งความศรัทธาเลื่อมใสจากประชาชนทั่วไป
ส่งผลไปถึงความเจริญมั่นคงแห่งพระศาสนาที่จะได้ทำหน้าที่อำนวยความสุขสงบให้แก่สังคมสืบไป
………………………….
เรื่องพระ-เรื่องพระศาสนา เกิดปัญหาข้อสงสัยอะไร
กรุณาอย่าใช้ความเข้าใจส่วนตัวตัดสิน
………………………….
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๗ ตุลาคม ๒๕๖๔
๑๘:๑๑