ข้ออ้างและข้อที่ไม่อ้าง
ข้ออ้างและข้อที่ไม่อ้าง
———————–
ผมเขียนเรื่องหลวงพ่อธัมมชโยสวมเสื้อ โดยตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีใครสงสัยกันบ้างเลยหรือว่าผิดถูกเป็นประการใด
มีผู้แสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าที่ท่านสวมเสื้อเพราะท่านป่วย
พระป่วย ภาษาพระเรียกว่า อาพาธ
————–
ภาษาพระ เดี๋ยวนี้คนเข้าใจผิดๆ กันมาก
เช่น “จำพรรษา” ซึ่งหมายถึงอยู่ประจำที่วัดใดวัดหนึ่ง สื่อก็ไพล่ไปเรียกว่า “จำวัด” ซึ่งภาษาพระหมายถึงพระนอนหลับ
มิหนำซ้ำอธิบายลากถูลู่ถูกังไปว่า นั่นแหละ พระนอนหลับนั่นแหละก็หมายความว่าพระอยู่ประจำที่-ว่าไปโน่น
แทนที่จะแก้ผิดให้ถูก กลับไปอธิบายผิดให้เป็นถูก
อีกคำหนึ่ง “เทียนพรรษา” ไพล่ไปเรียกกันว่า “เทียนจำนำพรรษา”
ใกล้เข้าพรรษาเข้ามา เดี๋ยวก็จะได้เห็นคำว่า “เทียนจำนำพรรษา” กันสะพรั่งอีก
เรียกว่า-เอาให้ผิดกลายเป็นถูกให้ได้
ได้ยินท่านผู้หนึ่งบอกว่า-ก็สังคมเขายอมรับกัน คุณจะไปฝืนเขาได้อย่างไร
————–
ผมเขียนดักคอไว้แล้วว่า เวลาพระทำงานโยธาก็ดี เวลาอากาศหนาวจัดก็ดี หรือพระที่ไปอยู่เมืองหนาวก็ดี ท่านก็แต่งตัวพิลึกกึกกือเหมือนกัน
เจตนาก็เพื่อจะบอกว่า เมื่อมีเหตุเฉพาะกิจ เฉพาะเวลา เฉพาะสถานที่ ก็อนุโลมกันได้ แต่มิใช่แต่งแบบนั้นเป็นปกติวิสัยเหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
ก็ยังมีผู้อ้างว่าหลวงพ่อท่านก็สวมเสื้อด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันนั่นแหละ
ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่งว่า หมอแนะนำให้หลวงพ่อสวมเสื้อผ้าแบบนั้น เป็นการรักษาสุขภาพ
มีท่านผู้หนึ่งบอกว่า เดี๋ยวนี้โรคบางอย่างเขามีเครื่องแต่งตัวเป็นชุดรักษาโรคนั้นๆ โดยเฉพาะ ถ้าพระป่วยด้วยโรคนั้น หมอก็จะแนะนำหรือบังคับให้สวมชุดแบบนั้น
ประมวลดูแล้วได้ความว่า เวลานี้หมอแนะนำหรือสั่งให้ทำอย่างไร พระเราพอใจที่จะถือตามคำแนะนำของหมอ แล้วอ้างอย่างหนักแน่นว่า “หมอเขาสั่ง”
กรณี “หมอเขาสั่ง” ที่เห็นกันชุกชุมก็คือ โรคกระเพาะ
พระอาพาธด้วยโรคกระเพาะ หมอมักจะสั่งว่า ท่านต้องฉันอาหารมื้อเย็นจึงจะหาย
……….
ผมคิดเตลิดเปิดเปิงไปว่า พระอาพาธโรคปวดข้อ หมอแนะนำว่า ฉันสุราวันละ ๓ เป๊ก เช้า กลางวัน เย็น ไม่เกิน ๓ เดือน หายขาด-จะว่าอย่างไร
หรือหนักไปกว่านั้น พระอาพาธโรคเครียด หมอแนะนำว่าเสพเมถุนวันละครั้ง ไม่เกิน ๓ เดือน หายขาด-จะทำอย่างไร
จะเห็นได้ว่า เมื่อถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องยึดพระธรรมวินัยเป็นหลัก
ไม่ใช่เอาคำแนะนำของหมอเป็นหลัก
……….
ถ้าหมอสั่งแบบที่สมมุตินั้น จะมีพระที่ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของหมอหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ
แต่เคยได้ยินว่ามีพระที่รักษาพระธรรมวินัยมากกว่าคำสั่งหมอ
ที่ได้ฟังมานั้นเป็นพระหลวงตาในจังหวัดราชบุรีนี่แหละ-อย่าให้ยืนยันว่าชื่ออะไรอยู่วัดไหน เพราะนานมาแล้ว จำไม่ได้-ท่านอาพาธต้องไปนอนโรงพยาบาล นางพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้ท่าน ท่านไม่ยอมให้ทำ ท่านว่าถ้าจะทำขอให้ผู้ชายทำ ถ้าไม่มีผู้ชายทำก็ไม่ต้องทำ และถ้ายุ่งมากก็ขอกลับไปตายวัด
ผมเชื่อว่า พระที่รักษาพระธรรมวินัยเคร่งครัดเช่นนี้ยังมีอยู่มาก
พระคุณเจ้าที่อ่านโพสต์นี้ อาจจะมีสักรูปหนึ่งหรือหลายรูปที่ได้เคยปฏิบัติเช่นว่านี้มาด้วยตัวเองแล้วด้วยซ้ำไป
กราบอนุโมทนาสาธุ
————–
ยังมีอีกประเภทหนึ่ง เห็นบวชอยู่ดีๆ บวชมานานแล้วด้วย มาเจออีกที สึกไปเสียแล้ว
ถามดูก็ได้ความว่าป่วย
“สึกไปรักษาตัว” ท่านบอก
คือกระบวนการรักษาโรคบางโรค ถ้าทำทั้งเป็นพระก็จะต้องละเมิดสิกขาบทบางข้อ หรือฝืนจารีตประเพณีของพระในบางเรื่องหรือหลายเรื่อง
เพื่อไม่ให้พระธรรมวินัยเศร้าหมองจึงลาเพศออกไปเสียก่อน
ที่สึกไปรักษาตัวจนหายขาดดีแล้ว กลับมาบวชใหม่ ผมก็เคยเห็นหลายคน
ประเภทนี้ควรแก่การคารวะอย่างแท้จริง
และการปฏิบัติเยี่ยงนี้แลคือ “เนติ” ที่บัณฑิตแต่ปางก่อนท่านดำเนินเป็นตัวอย่างกันมาแล้ว ยังเห็นร่องรอยอยู่
ท่านเหล่านั้นก็ยังเป็นปุถุชนเหมือนเรานี่เอง
น่าเสียดายที่ไม่ยักมีใครยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างบ้าง
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
๑๖:๐๓