บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ความขี้ขลาดอย่างที่สุด

ความขี้ขลาดอย่างที่สุด

————————

เมื่อสองสามวันก่อน มีญาติมิตรท่านหนึ่งแวะมาสนทนาธรรมที่บ้านผม เนื่องจากเรามาจากสถาบันเดียวกันคือสถาบันพระพุทธศาสนา จึงคุยกันรู้เรื่องดี ส่วนใหญ่ก็เป็นการปรับทุกข์เรื่องกิจการพระศาสนาสู่กันฟัง 

ญาติมิตรท่านนี้ทำงานลงสนามด้วยตัวเอง จึงมีข้อมูลแน่นและแม่นมากๆ ข้อมูลที่ท่านถ่ายทอดให้ผมฟังเป็นประโยชน์แก่ผมอย่างยิ่ง หลายเรื่องทำให้ผมมั่นใจยิ่งขึ้น และอีกหลายเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน

-๑-

อย่างเรื่องศาสนาอิสลามวางแผนยึดเมืองไทย เป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซ็นต์ และไม่ใช่แค่นั่งวางแผนเฉยๆ แต่ได้ลงมือปฏิบัติการไปแล้วและได้ผลคืบหน้าอย่างน่าพอใจ (น่าพอใจของเขา แต่น่าตกใจของเรา)

แผนหนึ่งที่ทำได้ผลก็คือ ส่งพี่น้องมุสลิมเข้าสู่ระบบราชการทุกหน่วยงาน-โดยเฉพาะสายกระทรวงมหาดไทย 

อย่าได้แปลกใจถ้าอีก ๑๐ ปี ๒๐ ปีข้างหน้า นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นมุสลิมไปทั้งประเทศ

แม้แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนพระพุทธศาสนาโดยตรง-อย่าได้แปลกใจถ้าวันหนึ่ง ผอ.ของหน่วยงานนี้ (ถ้ายังมีอยู่) เป็นมุสลิม!

กระสุนที่ยิงเข้าตรงเป้าอย่างจังก็คือ บัดนี้มีกฎหมายออกมาเรียบร้อยแล้ว (จะเรียกว่ากฎหมายหรือระเบียบอะไรก็แล้วแต่) ว่า จังหวัดใดมีมัสยิดตั้งแต่ ๓ แห่งขึ้นไปก็ให้มีคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด 

และให้ประธานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตำแหน่ง

หมายความว่าอย่างไร

ก็หมายความว่าอีกไม่นานประเทศไทยก็จะมีผู้นำศาสนาอิสลามเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดหมดทั้งประเทศ นั่นคืออิสลามครองเมืองไทยได้แล้ว ในขณะที่ผู้นำศาสนาพุทธไม่เคยรู้สึกรู้สมแต่อย่างใดทั้งสิ้น 

ผมเชื่อว่าพี่น้องพุทธทั้งประเทศยังไม่รู้ตัวว่าขณะนี้มีมีดมาจ่อที่คอหอยของเราเรียบร้อยแล้ว รอแต่ว่าจะยอมถูกเชือดหรือจะยอมเข้ามัสยิดเท่านั้น

-๒-

เรื่องบริษัทธุรกิจใหญ่แห่งหนึ่ง (บอกชื่อก็รู้จักกันทั่วโลก แต่ไม่บอกดีกว่า) ให้เงินอุดหนุนพรรคการเมืองทุกพรรคในเมืองไทยแบบไม่มีเงื่อนไข คือให้ฟรีๆ เอาไปใช้อะไรก็ได้ และไม่ต้องมาช่วยอะไรเขาทั้งสิ้น ขอเพียงปล่อยให้เขาทำมาหากินไปตามปกติเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าพรรคไหนได้เป็นรัฐบาล บริษัทธุรกิจใหญ่แห่งนี้ก็อยู่ได้สบาย ไม่มีใครรบกวนหรือแม้แต่ขวางทาง

เรื่องนี้โยงมาถึงผู้บริหารกิจการพระศาสนาของเรา นั่นคือมีบริษัทพุทธพาณิชย์แห่งหนึ่ง แต่ใช้ชื่อว่า “วัด-” (บอกชื่อก็รู้จักกันทั่วโลก แต่ไม่บอกดีกว่า) ให้เงินอุดหนุนผู้บริหารกิจการพระศาสนาของเราชนิดที่พูดให้เห็นภาพว่า-กลับมาแล้วย่ามเอียงไปตามๆ กัน

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าบริษัทพุทธพาณิชย์แห่งนี้จะทำอะไร ผู้บริหารกิจการพระศาสนาของเราก็จะพากันอยู่ในอาการสงบเงียบเรียบร้อยเป็นอันดี

-๓-

เรื่องสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา ผมตั้งข้อสังเกตให้ญาติมิตรท่านนั้นฟังว่า มีเรื่องที่ควรทำมากมายซึ่งเมื่อทำแล้วจะเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ถ้าคณะสงฆ์ท่านยังไม่ทำ พศ.ก็น่าจะคิดอ่านเสนอแนะให้ท่านทำ

ญาติมิตรท่านนั้นบอกผมว่า ผมยังเข้าใจผิดอยู่มาก พศ. ของเรานั้นทำงาน “สนอง” นโยบายอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่ “เสนอ” แม้จะเห็นว่าอะไรควรทำแค่ไหนก็เสนอไม่ได้ ขืนเสนอก็เป็นภัยแก่ตัวเอง เผลอๆ หลุดจากตำแหน่งเอาง่ายๆ ด้วย

ท่านยังแถมให้ด้วยว่า แม้แต่กรรมการมหาเถรสมาคมโดยการแต่งตั้ง ก็มีอาการอย่างเดียวกัน คือท่านไม่ทำอะไรก็เพราะกลัวหลุดจากตำแหน่ง อยู่เฉยๆ ดีที่สุด

————–

ถามว่า ปัญหาทั้งปวงที่ว่ามานี้ผู้บริหารบ้านเมืองก็ดี ผู้บริหารการพระศาสนาก็ดี ท่านไม่รู้หรือว่ามันมีปัญหา มันเป็นปัญหา ท่านไม่รู้หรือว่าอะไรถูกอะไรผิด ท่านไม่รู้หรือว่าควรทำอย่างไรจึงจะเกิดผลดีแก่ประเทศชาติพระศาสนา

ผมเชื่อว่าท่านรู้ทุกอย่าง ท่านอาจจะย้อนเอาด้วยซ้ำไปว่า-ก็เพราะรู้ทุกอย่างนั่นแหละท่านจึงไม่ทำอะไร

————–

บรรดาตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้บริหารบ้านเมือง หรือตำแหน่งผู้บริหารการพระศาสนา เขาตั้งขึ้นมาก็เพื่อให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนั้นๆ ได้กระทำสิ่งที่ถูกต้อง

ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่จะต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง

แต่ผู้ดำรงตำแหน่งไม่กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง

เพราะกลัวจะหลุดจากตำแหน่ง 

เป็นเหตุผลที่อยู่เหนือเหตุผลจริงๆ

————–

เมื่อสองสามวันมานี้ผมได้อ่านโพสต์ของใครก็จำไม่ได้ อ่านทีแรกก็เฉยๆ แต่พอได้สนทนากับญาติมิตรท่านนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ ตามกลับไปดูก็หาไม่เจอเสียแล้ว 

แต่จำเค้าๆ ได้ว่า โพสต์นั้นยกคำพูดของใครคนหนึ่งขึ้นมาอ้าง คำพูดนั้นเป็นภาษาอังกฤษ (ญาติมิตรท่านใดถนัดควานหาเรื่องแบบนี้ ขอแรงตามไปเอามาให้ดูกันหน่อยนะครับ เป็นการให้เกียรติเจ้าของคำพูด) ผมจำได้แค่ขึ้นต้นผิดๆ ถูกๆ ว่า —

To know what is right, but ….

รู้ว่าอะไรถูกต้อง แต่ไม่ทำ เป็นความขี้ขลาดอย่างที่สุด

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙

๑๐:๔๔

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *