ความในใจ
ความในใจ
————
วันสองวันมานี้ผมคิดถึงท่านอาจารย์แย้มขึ้นมาจับใจ
นาวาอากาศเอก แย้ม ประพัฒน์ทอง หัวหน้าอนุศาสนาจารย์ทหารอากาศคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ” กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ และเป็นคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ” ในสายงานอนุศาสนาจารย์ของกองทัพไทย
ท่านเป็นอาจารย์สอนบาลีวิชาแต่งฉันท์เมื่อผมไปเรียนประโยค ป.ธ.๘ ที่สำนักเรียนวัดสามพระยา
ท่านเป็น “มือขวา” ในวิชาแต่งฉันท์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธรมหาเถระ) เจ้าสำนักเรียนวัดสามพระยาผู้โดดเด่นในยุคสมัยนั้น
ท่านอาจารย์แย้มไม่ได้สอนเฉพาะวิชาแต่งฉันท์
แต่ท่านสอนวิชาวางตัวในฐานะอุบาสกที่ประเสริฐด้วย
ท่านไม่ได้สอนด้วยปาก แต่ท่านทำให้ดู
เวลาท่านอาจารย์แย้มบรรยายให้พระฟัง ท่านประนมมือตลอดเวลา และเรียกพระด้วยสรรพนามว่า “พระคุณ” ทุกคำ
ผมรับถ่ายทอดลักษณาการนี้มาโดยไม่รู้ตัว
(พระที่เคยฟังผมบรรยายถวายความรู้ท่านบอก)
—————-
ท่านอาจารย์แย้มเป็นอุบาสกที่เคารพพระภิกษุสามเณรอย่างหนักแน่นมั่นคงที่สุด
ใครนินทาพระให้ท่านได้ยิน ท่านจะเกิดอาการที่ผมเรียกว่า “ลมออกหู”
ถ้าคนนินทาพระมีศักดิ์สูงกว่าท่าน ท่านจะลุกหนี ไม่ขอฟังด้วย
ถ้าคนนินทาพระเป็นคนเสมอกัน ท่านจะตอบโต้อย่างดุเดือด
ถ้าคนนินทาพระเป็นคนต่ำกว่า ท่านจะอบรมสั่งสอน
—————-
ลูกชายคนโตของท่าน คือท่านอาจารย์คงเดช ประพัฒน์ทอง นักโบราณคดีมือหนึ่งแห่งกรมศิลปากร รับถ่ายทอดนิสัยเช่นนี้มาจากพ่อเต็มๆ
มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับพระเกิดขึ้น ท่านอาจารย์คงเดชจะออกหน้าปกป้องพระทุกกรณีไป
ท่านอาจารย์คงเดชเล่าว่า ตอนไปเรียนปริญญาโทที่ประเทศอินเดีย ท่านหวุดหวิดจะเตะปากแขกหลายครั้ง เหตุเพราะแขกคะนองมาแสดงกิริยาล่วงเกินพระไทยที่ไปเรียนด้วยกันที่นั่นเสมือนเพื่อนเล่น เช่นเอามือลูบศีรษะพระเป็นต้น
—————-
ท่านอาจารย์คงเดชเล่าให้ผมฟังว่า วันหนึ่ง คุณพ่อคือท่านอาจารย์แย้มกลับจากปฏิบัติราชการตามปกติ ถึงบ้านก็อาบน้ำ เอนหลังครู่หนึ่ง พอได้เวลาอาหารเย็น ภรรยาท่านอาจารย์แย้มก็ยกสำรับมาเทียบตามหน้าที่ของแม่บ้านที่ดี
ท่านอาจารย์แย้มยังไม่ทันลงมือกินข้าว พระภิกษุรูปหนึ่งก็เข้ามาที่บ้าน
ท่านอาจารย์ผลักสำรับออกไป จัดแจงปูเสื่อ นิมนต์ให้พระนั่ง ประนมมือสนทนากับพระรูปนั้นซึ่งไม่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อนเลย
สนทนากันเป็นชั่วโมงจนใกล้เวลาเย็น ซึ่งหมายถึงสำรับกับข้าวก็เย็นชืดหมดแล้วด้วย
ภรรยาท่านอาจารย์แย้ม (ซึ่งเป็นที่รู้กิตติศัพท์กันดีว่าปากคมนัก) รออยู่ด้วยความอดทน จนหมดความอดทน โพล่งออกมาว่า
“เป็นพระเป็นสงฆ์ ไม่รู้สิกขาวินัย เข้าบ้านในเวลาวิกาลเป็นอาบัติ….”
ท่านอาจารย์แย้มเบรกภรรยาไม่ทัน
แต่พระคุณเจ้ารู้ตัวแล้ว ก็รีบลากลับฉับพลัน
กว่าท่านอาจารย์จะได้กินข้าวก็ต้องเสียเวลาชี้แจงกับภรรยาอีกพักหนึ่งว่า พระมาถึงเรือนเป็นสิริมงคล ไม่ควรใช้วาจาเช่นนั้นกับท่าน
—————-
หลังจากท่านอาจารย์แย้มเกษียณอายุราชการแล้ว ท่านเคยไปทำงานวิชาการเกี่ยวกับคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่สำนักเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ทำได้อยู่ไม่นาน
ท่านอาจารย์คงเดชเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเวลาที่ท่านอาจารย์ไปทำงานดังกล่าวนั้น วันหนึ่งท่านอาจารย์คงเดชกลับบ้านแต่วัน เห็นคุณพ่อคือท่านอาจารย์แย้มนั่งตัวแดงอยู่ที่บ้าน จึงถามว่า วันนี้คุณพ่อไม่ได้ไปทำงานหรือ ก็ได้รับคำตอบด้วยเสียงดุเดือดว่า
“มันทำงานคัมภีร์ แต่มานั่งด่าพระ ใครจะไปทำกับมันได้ พ่อไม่ไปแล้ว”
ได้ความว่า สำนักแห่งนั้นตั้งอยู่ในวัด แล้ววันนั้นเจ้าของสำนักเกิดพูดคุยตำหนิพระในวัดด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง ท่านอาจารย์แย้มได้ขอร้องไม่ให้ตำหนิพระ เจ้าของสำนักคงจะไม่ฟัง ท่านอาจารย์แย้มก็เลยขอลาออกและกลับมานั่งตัวแดงอยู่ที่บ้านแต่เพลานั้น
—————-
ผมเองก็ไม่รู้ว่าได้รับถ่ายทอดนิสัยไม่ทนให้ใครตำหนิพระมาตั้งแต่เมื่อไร
ตอนนั้นอายุราวๆ ๔๐ เป็นเรือโท นั่งรถไฟขบวนธนบุรี-ราชบุรี ไปทำงานทุกวันกับเพื่อนที่เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน เป็นทหารเรือด้วยกัน อยู่ราชบุรีด้วยกัน ไป-กลับขบวนเดียวกันทุกวัน
วันหนึ่ง ขากลับ วันนั้นเพื่อนอยู่ตู้ท้าย ผมอยู่ตู้หน้า รถไฟออกจากสถานีธนบุรีมาได้พักใหญ่ เพื่อนก็จ้ำหน้าเครียดมาที่ตู้ผม มาถึงก็บอกว่า ขอแรงไปช่วยกันเตะปากคนหน่อย
ผมถามว่า มันเรื่องอะไรกัน
เพื่อนบอกว่า มีมนุษย์ตัวผู้ตัวหนึ่งนั่งด่าพระมาตั้งแต่รถออกจากธนบุรี จนผ่านมาหลายสถานี บัดนี้ยังไม่หยุดปาก
“อ้าว!” ผมร้องออกมาได้คำเดียว แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเลย “ลมออกหู” โดยอัตโนมัติ จ้ำตามเพื่อนไปตู้หลังทันที
กว่าจะไปถึงสถานที่เกิดเหตุ รถไฟก็กำลังเข้าเทียบสถานีวัดงิ้วราย
เรายังไปไม่ทันถึงตัว มนุษย์ตัวนั้น-ซึ่งยืนเกาะราวบันไดเตรียมจะลง แต่ปากก็ยังกราดใส่พระให้เพื่อนฟังไม่หยุด-ก็หย่อนตัวลงจากรถพอดี
เพื่อนผมตะโกนไล่หลังไปได้ชุดหนึ่ง –
“ตัวมันเองนะดีนักงั้นซี ไอ้ที่พูดว่าพระน่ะ มันทำได้สักครึ่งหนึ่งของพระหรือเปล่า ไอ้สันดาน”
วันนั้นถ้าเราไปถึงตัวหมอนั่นก่อนที่เขาจะลงรถ ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจะขึ้นหน้าหนึ่งไทยรัฐหรือเปล่า
—————-
เรื่องที่เล่ามานี้ได้เคยเขียนเล่ามาบ้างแล้ว
แต่วันสองวันมานี้ ไม่รู้เป็นอย่างไร ผมเกิดคิดถึงท่านอาจารย์แย้มขึ้นมาอย่างจับใจ
ก็เลยคิดถึงเรื่องนี้เป็นอตีตารมณ์
ถ้าท่านอาจารย์แย้มยังอยู่ ผมก็คงจะไปปรับทุกข์กับท่านว่า ตอนนี้ใครสมควรโดนเตะปาก
ผม
หรือคนที่บอกว่าผมไม่เคารพพระ
—————-
ผมเคารพพระอย่างยิ่ง เพราะชีวิตผมทั้งชีวิตอยู่มาได้เพราะพระ เพราะวัด
แต่ผมไม่ได้เคารพแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่ดูกาลเทศะ
ผมเคารพพระมั่นคงเพียงใด
ก็ปรารถนาจะให้พระดำรงอยู่ในกรอบแห่งพระธรรมวินัยมั่นคงเพียงนั้น
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๙
๐๙:๔๕