โสตศอนาสิก (บาลีวันละคำ 3,428)
โสตศอนาสิก
ภาษาลูกผสม
อ่านว่า โสด-สอ-นา-สิก
ประกอบด้วย โสต + ศอ + นาสิก
(๑) “โสต”
บาลีอ่านว่า โส-ตะ รากศัพท์มาจาก สุ (ธาตุ = ฟัง, ได้ยิน) + ต ปัจจัย, แผลง อุ เป็น โอ (สุ > โส)
: สุ + ต = สุต > โสต แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะที่ได้ยิน” (2) “อวัยวะเป็นเครื่องฟัง”
“โสต” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง หู, โสตประสาท (ear, the organ of hearing)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“โสต, โสต– ๑ : (คำนาม) หู, ช่องหู. (ป.; ส. โศฺรตฺร).”
(๒) “ศอ”
คำนี้รูปร่างหลอกตา ชวนให้นึกว่าน่าจะเป็นบาลีสันสกฤต แต่ไม่ใช่ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ศอ : (คำนาม) คอ, ราชาศัพท์ ว่า พระศอ.”
“ศอ” คือ “คอ” ถ้าแปลเป็นบาลีก็ควรจะตรงกับศัพท์ว่า “คล” (คะ-ละ) รากศัพท์มาจาก –
(1) คิลฺ (ธาตุ = กิน) + อ (อะ) ปัจจัย, ลบ อิ ต้นธาตุ (คิลฺ > คล)
: คิลฺ + อ = คิล > คล แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นเครื่องกินอาหาร”
(2) คลฺ (ธาตุ = กกลืนกิน) + อ (อะ) ปัจจัย
: คลฺ + อ = คล แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นเครื่องกลืนอาหาร”
“คล” (ปุงลิงค์) หมายถึง คอหรือคอหอย (the throat)
จินตนาการแทรก :
๑ “คอ” ขึ้นต้นด้วย ค ควาย เช่นเดียวกับ “คล” ก็ขึ้นต้นด้วย ค ควาย
๒ และ “คอ” กับ “ศอ” ในภาษาไทย-เขียนด้วยอักษรไทยก็ดูชอบกล คือ ศ ศาลา นั่นเอง ถ้าตัดหางออกก็กลายเป็น ค ควาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง ค ควาย นั่นเอง ถ้าเติมหางก็กลายเป็น ศ ศาลา
“ศอ” ตัดหาง = “คอ”
“คอ” เติมหาง = “ศอ”
โปรดทราบว่า นี่เป็นจินตนาการล้วน ไม่ใช่หลักวิชา โดยเฉพาะไม่ใช่นิรุกติศาสตร์อย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ฟังเล่นขำๆ อย่าจำเอาไปอ้างอิง
(๓) “นาสิก”
หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) มีคำว่า “นาสา” และ “นาสิกา” บอกไว้ดังนี้ –
(1) “นาสา” รากศัพท์มาจาก นสฺ (ธาตุ = ถือเอากลิ่น, ดมกลิ่น) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะต้นธาตุ (นสฺ > นาส) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: นสฺ + ณ = นสณ > นส > นาส + อา = นาสา แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นเครื่องดมกลิ่น”
(2) “นาสิกา” รากศัพท์มาจาก นสฺ (ธาตุ = ถือเอากลิ่น, ดมกลิ่น) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ), ทีฆะต้นธาตุ (นสฺ > นาส), แผลง อะ ที่ (นา)-ส เป็น อิ (นาส > นาสิ), + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: นสฺ + ณฺวุ > อก = นสก > นาสก > นาสิก + อา = นาสิกา แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นเครื่องดมกลิ่น”
“นาสา” และ “นาสิกา” หมายถึงสิ่งเดียวกัน คือ จมูก (the nose) แต่เฉพาะ “นาสา” ในที่บางแห่งยังหมายถึง งวงช้าง (the trunk of an elephant) อีกด้วย
“นาสา” และ “นาสิกา” รูปสันสกฤตก็เป็นเช่นนี้
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(1) นาสา : (คำนาม) นาสิกา, จมูก; ตัวไม้เบื้องบนประตู; the nose; the upper timber of the door.
(2) นาสิกา : (คำนาม) ‘นาสิกา,’ จมูก, ‘นาสิก’ ก็ใช้; ตัวไม้เบื้องบนประตู; the nose; the upper timber of the door.
“นาสิกา” ใช้ในภาษาไทยเป็น “นาสิก” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“นาสิก : (คำแบบ) (คำนาม) จมูก. (ป., ส. นาสิกา).”
(1) “โสต” (2) “ศอ” (3) “นาสิก” ในภาษาไทยมีการจับมารวมกัน จะอนุโลมเรียกว่าสมาสก็คงพอได้ เป็น “โสตศอนาสิก” ได้ยินอ่านกันว่า โสด-สอ-นา-สิก แปลง่ายๆ ว่า หู คอ จมูก
ขยายความ :
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (อ่านเมื่อ 31 ตุลาคม 2564 เวลา 20:30) มีคำว่า “โสตศอนาสิกวิทยา” มีข้อความดังนี้ (อักขรวิธีตามต้นฉบับ) –
…………..
โสตศอนาสิกวิทยา (อังกฤษ: Otolaryngology) เป็นแขนงหนึ่งของวิชาแพทยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติของหู, จมูก, กล่องเสียงหรือช่องคอ, ศีรษะและคอ ในบางครั้งอาจเรียกย่อได้ว่า อีเอ็นที (ENT; ear, nose and throat: หู จมูก และคอ) จากรากศัพท์ภาษาบาลีสันสกฤตแปลได้ว่า การศึกษาหู คอ และจมูก
รากศัพท์ของ “Otolaryngology” มาจากภาษากรีก ωτολαρυγγολογία (oto = รากศัพท์แปลว่าหู, laryngo = รากศัพท์แปลว่ากล่องเสียงหรือช่องคอ, logy = การศึกษา) แปลตามตัวหมายถึงการศึกษาหูและคอ คำเต็มอาจเรียกว่า ωτορινολαρυγγολογία (otorhinolaryngology) ซึ่งเพิ่มคำว่า rhino ซึ่งเป็นรากศัพท์หมายถึงจมูกลงไปด้วย
…………..
ผู้ปรารถนาจะได้ความรู้เกี่ยวกับ “โสตศอนาสิก” หรือ “โสตศอนาสิกวิทยา” ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ โปรดศึกษาสืบค้นกันต่อไปเทอญ
…………..
ดูก่อนภราดา!
อันว่าอวัยวะร่างกาย –
: จงบริหารมันเพื่อให้มันบริการเรา
: แต่อย่ามัวเมาเป็นทาสรับใช้มัน
#บาลีวันละคำ (3,428)
31-10-64