พระปัจเจกพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า
——————–
ระวังอย่าเข้าใจผิด
ข้อที่ควรเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับพระปัจเจกพุทธเจ้า คือ –
๑ พระปัจเจกพุทธเจ้าจะมีเฉพาะในช่วงพุทธันดร คือเวลาที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนาเท่านั้น
ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๖๔ โลกยังไม่ว่างจากพระพุทธศาสนา คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังปรากฏอยู่ หนทางดำเนินไปสู่พระนฤพานก็ยังปรากฏชัด ผู้ปฏิบัติขัดเกลาตนจนบรรลุความเป็นพุทธะก็ยังสามารถทำได้มีได้
ผู้บรรลุธรรมในช่วงเวลานี้จึงมีฐานะเป็น “อนุพุทธะ” คือผู้รู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น ปัจจุบันวันนี้ถ้ามีใครประกาศว่ามีพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้นที่นั่นที่โน่น เราก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเท็จ นี่คือประโยชน์ของการรู้หลัก
คนที่ไม่รู้ก็อาจจะพลอยตื่นเต้นหลงเชื่อตามไป บางทีอ้างอิงด้วยว่าท่านผู้นั้นผู้นี้ก็ยืนยันว่าเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจริง ก็เลยไปกันใหญ่
๒ พระปัจเจกพุทธเจ้ามีได้หลายองค์ในช่วงเวลาเดียวกัน ต่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีได้คราวละองค์เดียว
๓ เนื่องจากพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มนุษย์มีกิเลสหนาปัญญาหยาบ จึงเป็นการยากที่จะสั่งสอนคนทั้งหลายให้สิ้นกิเลสบรรลุธรรมได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถึงสอนไปก็ไม่มีใครเชื่อ จึงเข้าใจกันว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่มีความสามารถที่จะสั่งสอนหรือประดิษฐานศาสนาขึ้นได้
ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูคนในสมัยปัจจุบันที่ยังมีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏอยู่แท้ๆ นี่แหละ มีคนเอาพระธรรมคำสอนมาแสดง มาบอก –
คนส่วนมากก็ยังไม่ฟัง
(ซ้ำอ้างเหตุสารพัดที่จะไม่ฟัง เช่นอ้างว่าคนเอาธรรมะมาพูดพูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่ชวนฟังเป็นต้น)
ถึงฟังก็ไม่เชื่อ
ถึงเชื่อก็ไม่คิดจะปฏิบัติตาม
ถึงปฏิบัติตามก็ปฏิบัติไปไม่ถึงเป้าหมายปลายทาง ละทิ้งเสียกลางคัน
นี่ขนาดยังไม่ใช่ช่วงเวลาพุทธันดร พระศาสนายังมีอยู่ ความคิดจิตใจคนยังเป็นแบบนี้ ถ้าถึงช่วงพุทธันดรคือโลกไม่รู้จักพระศาสนา ใครที่ไหนจะมาฟัง ต่อให้พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นผู้บอกผู้สอนก็เถอะ
เมื่อสภาพเป็นจริงเป็นเช่นนี้ พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงไม่สอนใคร เพราะสอนไปก็เหนื่อยเปล่า
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
๑๔:๓๔