เทพบุตร (บาลีวันละคำ 3,439)
เทพบุตร
มนุษย์ก็เป็นได้
อ่านว่า เทบ-พะ-บุด
ประกอบด้วยคำว่า เทพ + บุตร
(๑) “เทพ”
บาลีเป็น “เทว” อ่านว่า เท-วะ รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + อ ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว)
: ทิวฺ + อ = ทิว > เทว (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ”
ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกัน คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา
แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังมีความหมายอีกหลายอย่าง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เทว” ไว้ดังนี้ –
(1) good etc. (สิ่งที่ดี และอื่นๆ)
(2) a god, a deity, a divine being (เทวดา, เทพเจ้า, เทพ)
(3) the sky, rain-cloud, rainy sky, rain-god (ท้องฟ้า, เมฆฝน, ท้องฟ้ามีฝน, เทพแห่งฝน)
ในที่นี้ “เทว” ใช้ในความหมายตามข้อ (2) คือเทวดาหรือเทพเจ้า
“เทว” เมื่อใช้ในภาษาไทยแปลง ว เป็น พ ตามสูตรที่นิยมทั่วไป เช่น –
วร > พร
วิวิธ > พิพิธ
: เทว > เทพ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “เทพ” ไว้ 3 คำ บอกไว้ดังนี้ –
(1) เทพ ๑, เทพ– : (คำนาม) เทวดา. (ป., ส. เทว).
(2) เทพ ๒ : (คำนาม) คำนำหน้าชื่อเพลงไทย เช่น เทพทอง เทพชาตรี เทพบรรทม เทพนิมิต เทพรัญจวน.
(3) เทพ ๓ : (คำนาม) สมณศักดิ์พระราชาคณะสูงกว่าชั้นราช ตํ่ากว่าชั้นธรรม เรียกว่า ชั้นเทพ เช่น พระเทพโมลี.
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “เทพ” ไว้ดังนี้ –
…………..
เทพ : เทพเจ้า, ชาวสวรรค์, เทวดา; ในทางพระศาสนา ท่านจัดเป็น ๓ คือ
๑. สมมติเทพ เทวดาโดยสมมติ = พระราชา, พระเทวี พระราชกุมาร
๒. อุปปัตติเทพ เทวดาโดยกำเนิด = เทวดาในสวรรค์และพรหมทั้งหลาย
๓. วิสุทธิเทพ เทวดาโดยความบริสุทธิ์ = พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย
…………..
(๒) “บุตร”
บาลีเป็น “ปุตฺต” อ่านว่า ปุด-ตะ รากศัพท์มาจาก –
(1) ปู (ธาตุ = สะอาด, ชำระ) + ต ปัจจัย, ซ้อน ตฺ, รัสสะ อู ที่ ปู เป็น อุ (ปู > ปุ)
: ปู + ตฺ + ต = ปูตฺต > ปุตฺต แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้เป็นเหตุให้บิดามารดาสะอาด” (คือไม่ถูกตำหนิว่าไม่มีผู้สืบสกุล) (2) “ผู้ชำระตระกูลของตนให้สะอาด” (คือทำให้ตระกูลมีผู้สืบต่อ)
(2) ปูรฺ (ธาตุ = เต็ม) + ต ปัจจัย, แปลง รฺ ที่สุดธาตุเป็น ตฺ,(ปูรฺ > ปูตฺ), รัสสะ อู ที่ ปู-(รฺ) เป็น อุ (ปูร > ปุร)
: ปูรฺ + ตฺ = ปูรต > ปูตฺต > ปุตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยังดวงใจของบิดามารดาให้เต็ม”
(3) ปุสฺ (ธาตุ = เลี้ยง) + ต ปัจจัย, ลบ สฺ ที่สุดธาตุ (ปุสฺ > ปุ), ซ้อน ตฺ
: ปุสฺ > ปุ + ตฺ + ต = ปุตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันมารดาบิดาเลี้ยงดู”
“ปุตฺต” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) ลูกชาย (a son)
(2) เด็ก, ผู้สืบสกุล (child, descendant)
เทว + ปุตฺต = เทวปุตฺต (เท-วะ-ปุด-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “ลูกชายของเทวดา”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความคำว่า “เทวปุตฺต” ไว้ดังนี้ –
…………..
“son of a god,” a demi-god, a ministering god (cp. f. deva-dhītā), usually of Yakkhas, but also appld to the 4 archangels having charge of the higher world of the Yāmā devā (viz. Suyāma devaputta); the Tusitā d. (Santusita d.); the Nimmānaratī d. (Sunimmita d.); & the Paranimmitavasavattī d. (Vasavattī d.)
“บุตรของเทพ”, เทพบุตร, เทพที่มีหน้าที่ปฏิบัติ (เทียบศัพท์อิตถีลิงค์ เทวธีตา), ตามปกติใช้กับพวกยักษ์, แต่ก็ใช้กับหัวหน้าเทพ 4 ตน ซึ่งปกครองอยู่ในเทวโลกชั้นสูงของ ยามา เทวา (กล่าวคือ สุยามเทวปุตฺต); ตุสิตา เทวา (สนฺตุสิตเทวปุตฺต); นิมุมานรตี เทวา (สุนิมฺมิตเทวปุตฺต); และ ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทวา (วสวตฺตีเทวปุตฺต)
…………..
“เทวปุตฺต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “เทพบุตร”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –
“เทพบุตร : เทวดาผู้ชาย, ชาวสวรรค์เพศชาย.”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เทพบุตร : (คำนาม) เทวดาผู้ชาย. (ส.).”
สรุปว่า “เทพบุตร” หมายถึง เทวดาทั่วไปที่มีเพศเป็นชาย ส่วนเทวดาที่มีเพศเป็นหญิง เรียกว่า “เทพธิดา”
แถม :
ภาษาไทยในจินตนาการ หรือสำนวนนิยายในสมัยหนึ่ง ชายผู้เป็นที่รักของหญิง หรือผู้ชายที่มีความสามารถโดดเด่นในทางใดทางหนึ่งเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งหลาย ก็นิยมเรียกว่า “เทพบุตร” เช่น “เทพบุตรเท้าไฟ” หมายถึง ผู้ชายที่มีความสามารถในทางเต้นรำ มีลีลาเต้นรำที่งดงาม เร้าใจ ชวนมอง เป็นต้น
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ประพฤติเทวธรรมให้บริสุทธิ์
: เป็นเทพบุตรได้ทันที
#บาลีวันละคำ (3,439)
11-11-64
…………………………….