บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ฆาตกรรมวัฒนธรรม

ฆาตกรรมวัฒนธรรม

———————

สมัยก่อนวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ผมเข้าใจว่ามีแต่วัดในพระบรมมหาราชวัง คือพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้างวัดไว้เพื่อสะดวกแก่การปฏิบัติศาสนกิจบางประการ เช่นการอุปสมบท การทำพิธีบูชาในวันสำคัญตามเทศกาลเป็นต้น

แต่กระนั้นก็เป็นวัดจริง สร้างไว้เพื่อเคารพนับถือสักการบูชาได้จริงๆ

เดี๋ยวนี้มีแนวคิดสร้างวัดหรือโบสถ์วิหารเอาไว้ดูเล่น คือสร้างอาคารเป็นรูปโบสถ์วิหาร แต่ไม่ใช่โบสถ์วิหารที่ใช้งานได้จริง คือไม่มีเจตนาจะสร้างวัดให้พระสงฆ์ท่านอยู่ และเอาไว้เป็นที่ทำบุญ

แต่สร้างไว้เพื่อดู เพื่อให้คนมาเที่ยวมาชมเล่น

เหมือนกับที่คนสมัยนี้เข้าไปในวัดเพื่อไปถ่ายรูป มีพระพุทธรูป เจดีย์ โบสถ์ วิหาร เป็นฉาก พอใจที่จะได้ประโยชน์หรือมองเห็นประโยชน์จากศาสนสถานเพียงเป็นฉากถ่ายรูป-แค่นั้น

————-

กิจกรรมอันเกี่ยวด้วยพระศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำจริง ไม่ใช่ทำเป็นการสาธิต

เคยมีภาพอนุศาสนาจารย์ของเหล่าทัพหนึ่ง สาธิตพิธีทำบุญบางอย่าง โดยใช้ฆราวาสขึ้นนั่งบนอาสน์สงฆ์เหมือนพระ จับตาลปัตรให้ศีลหรือกำลังยะถาสัพพีเหมือนพระ

เมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกมา และมีผู้วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ก็มีคำชี้แจงว่า เป็นการปฏิบัติในกระบวนการฝึกศึกษาวิชาศาสนพิธี คือเป็นการศึกษาอบรม ไม่ใช่ของจริง

ผมเอากรณีนี้ไปนมัสการถามพระสงฆ์

ร้อยละร้อย ท่านบอกว่า ของจริงควรทำจริงๆ ฝึกศึกษาจากพิธีจริง อยากจะฝึกศึกษาพิธีอะไรก็ควรจัดพิธีนั้นจริงๆ ทำบุญจริงๆ นิมนต์พระจริงๆ มาเจริญพระพุทธมนต์จริงๆ เป็นการศึกษาจากของจริง ได้บุญด้วย ได้ศึกษาด้วย 

บอกกล่าวพระท่านให้ทราบล่วงหน้าว่าจะขอให้เป็นการฝึกศึกษาไปด้วยในตัว ขอโอกาสชี้แจงในขั้นตอนนั่นนี่ไปด้วย อาจจะใช้เวลานานกว่าปกติ 

อนุศาสนาจารย์มาจากพระอยู่แล้ว พระท่านย่อมไม่รังเกียจอันใดเลย

ถ้าเอาของจริงมาทำเป็นการสาธิต ต่อไปอาจมีพิธีใส่บาตรสาธิต รับศีลสาธิต นั่งสมาธิสาธิต ไหว้พระสวดมนต์สาธิต บวชพระสาธิต ฯลฯ 

โดยไม่ได้มีเจตนาจะทำจริง 

ทำกันแต่เป็นเพียงการแสดงอะไรอย่างหนึ่ง

วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตจริง ทำท่าจะกลายเป็นสิ่งสาธิต ทำขึ้นเพื่อเอาไว้ดู เอาไว้แสดงอวดชาวต่างชาติหรืออวดกันและกัน แต่ไม่มีจริง ไม่ได้ทำจริงในชีวิตจริง

—————-

ปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานมิได้มีไหว้เพื่อบูชากราบไหว้จริง แต่มีไว้เพื่อถ่ายรูป

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดแห่งหนึ่งคือที่วัดมหาธาตุ ราชบุรี

ที่วัดมหาธาตุ ราชบุรีบ้านผม มีชายหญิงนิยมมาถ่ายรูปบ่าวสาว โดยแต่งชุดไทยห่มสไบนุ่งโจงกระเบน เอากำแพงศิลาแลง พระพุทธรูป และพระปรางค์เป็นฉาก

ชายหญิงที่จะแต่งงานกันดูเหมือนจะนึกถึงรูปบ่าวสาวในเครื่องแต่งกายและฉากหลังที่เป็นวิวเป็นทำเลอะไรๆ ที่หลากหลายและดูดีในความคิดของเขา 

การถ่ายรูปแต่งงานสมัยนี้จึงกลายเป็นธุรกิจชนิดหนึ่ง ร้านที่รับถ่ายรูปบ่าวสาวนั่นเองที่เป็นต้นคิดวางแผนให้ว่ามีทำเลที่ไหนบ้างที่ดูดี 

และหนึ่งในข้อเสนอที่ราชบุรีก็คือ-ใช้โบราณสถานวัดมหาธาตุเป็นฉาก 

เครื่องแต่งกายชุดไทยก็เป็นบริการของร้าน 

จะถ่ายตรงจุดไหนบ้าง เอากำแพงด้านไหน เอาพระพุทธรูปองค์ไหนเป็นฉากหลัง ร้านเป็นผู้กำหนดให้ 

จะยืนจะนั่งจะโอบกอดกันท่าไหน ร้านเป็นผู้กำกับ

ผมเคยเล่าบอกญาติมิตรแล้วว่า วันพระผมไปวัด เมื่อเสร็จพิธีทำบุญที่ศาลาแล้วผมก็จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในระเบียงคดพระมหาธาตุ ถ้าตรงกับเสาร์-อาทิตย์จะต้องเจอร้านถ่ายรูปพาบ่าวสาวมาถ่ายรูปเป็นประจำ

ผมเคยพยายามจะทักท้วง แต่ประเมินสถานการณ์แล้ว พูดกับคนหูหนวกตาบอด ไร้ประโยชน์

บ่าวสาวอยากได้รูป ร้านอยากได้เงิน สมประโยชน์กัน

ผมสงสารหนุ่มสาวที่เริ่มตั้งครอบครัวว่าทำไมจึงคิดตื้นถึงเพียงนี้

บริเวณพระมหาธาตุในวัดมหาธาตุ บรรพบุรุษท่านสร้างไว้เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชา เป็นบุญเป็นกุศลสำหรับชีวิต แต่ลูกหลานรุ่นหลังตีค่าเป็นแค่ฉากถ่ายรูปบ่าวสาว เอาที่ที่ปู่ย่าตายายนั่งไหว้พระสวดมนต์เป็นฉากถ่ายรูปบ่าวสาว 

คิดได้แค่นี้เองหรือ

หนุ่มสาวพวกนี้ควรจะเข้ามาในวัดเพื่อไหว้พระ สวดมนต์ บำเพ็ญบุญกุศลเพื่อเป็นสิริมงคลในโอกาสที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน การถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเป็นเพียงผลพลอยได้

แต่เปล่าเลย เขาเข้ามาเพื่อจะมาใช้กำแพง ใช้พระพุทธปฏิมา ใช้องค์พระมหาธาตุเป็นฉากถ่ายรูปล้วนๆ มิได้มีเจตนาจะมาไหว้พระแต่ประการใดทั้งสิ้น

เป็นการดูถูกเหยียบย่ำปู่ย่าตายายของตัวเองอย่างโง่เขลาเบาปัญญาอย่างยิ่ง

รูปที่ถ่ายไว้จึงไม่ได้เป็นมงคลอันดีงามแก่ชีวิต ตรงกันข้ามกลับเป็นอัปมงคล ประจานความโง่เขลาทุกครั้งหยิบอัลบั้มขึ้นมาเปิดดู

ถ้าครอบครัวคนไทยเริ่มต้นชีวิตกันแบบนี้ จะเอาความเจริญมาจากไหน?

……………..

อีกแห่งหนึ่งคือพระปรางค์วัดอรุณ

พระเจ้าแผ่นแต่ปางก่อนท่านสร้างพระปรางค์ไว้ที่วัดอรุณราชวรารามก็เพื่อเป็นที่กราบไหว้จริงๆ สักการบูชาเป็นบุญเป็นกุศลจริงๆ

แต่ทุกวันนี้กลายเป็นที่สำหรับไปดูและไปถ่ายรูป

ไม่ใช่เฉพาะชาวต่างชาติ

แม้แต่คนไทยที่ไป ก็ไปดูและไปถ่ายรูปกันเป็นส่วนใหญ่

จะมีที่ตั้งใจที่ไปกราบไหว้สักการบูชาเป็นบุญเป็นกุศลกันสักกี่คน

ซ้ำยังปล่อยให้ใส่เกือกย่ำขึ้นไปบนองค์ปรางค์ได้อย่างเสรีอีกด้วย

เวลานี้น่าจะมีคนกำลังแต่งคำอธิบายให้คนไทยเห็นว่า การใส่รองเท้าเข้าไปในโบสถ์วิหารลานพระเจดีย์ ตลอดจนใส่ย่ำขึ้นไปบนองค์พระปรางค์พระเจดีย์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดที่เลวร้าย แต่เป็นกิริยาที่ถูกต้องตามปกติของมนุษย์ที่เจริญแล้วทั่วโลกเขาทำกัน

เพราะฉะนั้น ทำได้ ไม่ผิด ไม่บาป ใส่เข้าไปเลย

ผมเห็นบางวัดเขียนบอกไว้เลยว่า “รองเท้า ใส่ขึ้นมาได้เลย”

เป็นการฆาตกรรมวัฒนธรรมอย่างเลือดเย็นที่สุด

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๗ เมษายน ๒๕๖๐

๑๐:๐๓

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *