บทสวดมนต์บทใหม่
บทสวดมนต์บทใหม่
————————
ฝากไว้ในอ้อมใจของมิตรรักนักสวดมนต์
ผมอ่านพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก ชื่อ “เทวทูตสูตร” เห็นว่าบทสรุปท้ายของพระสูตรเป็นข้อคิดที่มีคุณค่า ควรแก่การที่จะนำมาคิดนึกตรึกตรองเพื่อเตือนใจตัวเอง
ผมมานึกดูว่า ทุกวันนี้ชาวพุทธในเมืองไทยที่นิยมสวดมนต์ยังมีอยู่ และน่าจะมีอยู่มากด้วย แม้การ “สวดมนต์” ที่กระทำกันอยู่ทุกวันนี้จะต่างจากสมัยก่อนแทบจะสิ้นเชิง คือสมัยก่อนสวดจากความทรงจำ แต่สมัยนี้ใช้วิธีกางหนังสืออ่าน ไม่ต้องจำอะไรไว้ในสมอง แต่กระนั้น ข้อความที่อ่านจากหนังสือก็น่าจะตกค้างอยู่ในห้วงนึกบ้าง
ผมจึงคัดข้อความสรุปท้ายพระสูตรดังกล่าวออกมา คำบาลีเขียนแบบไทยเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นเบื้องต้นให้แก่คนที่รู้จักตัวหนังสือไทยจะได้อ่านออกเสียงถูก แล้วจัดทำคำแปลกำกับไว้ด้วยเพื่อที่ว่าเมื่อ “สวด” คำบาลีจะได้รู้ความหมายว่า เรากำลังพูดข้อความว่าอะไร โดยหวังว่า ความหมายดีๆ ของข้อความนั้นคงจะช่วยเตือนสติคนสวดให้เร่งทำกิจที่ควรทำได้บ้างพอสมควร
ท่านที่เชื่อว่า “สวดมนต์แล้วได้บุญ” โปรดมั่นใจว่าข้อความที่ผมคัดออกมาจากพระสูตรนี้เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าตามที่ท่านยืนยันไว้ในพระไตรปิฎก เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ท่านตั้งจิตให้เป็นกุศลแล้ว “สวด” ข้อความนี้ ท่านจะได้ “บุญ” อย่างแน่นอน และถ้าท่านขบคิดตรึกตรองตามไปด้วย ท่านจะได้ “ปัญญา” เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
บุญกับปัญญานี่แหละครับที่จะติดตามเป็นเพื่อนเราไปทุกแห่ง และทุกภพทุกชาติ
ข้อความสรุปท้ายพระสูตรท่านนิยมเรียกกันว่า “นิคมคาถา” ซึ่งก็แปลตรงตัวว่า “คำสรุปท้าย” ผมก็เลยเรียกบทสวดมนต์สั้นๆ บทนี้ว่า “นิคมคาถาเทวทูตสูตร”
น้ำหนักของคำอยู่ที่ทั้ง ๒ คำนะครับ ถ้าพูดว่า “นิคมคาถา” แค่นี้ก็จะไม่รู้ว่าเป็นคำสรุปท้ายของพระสูตรอะไร แต่ถ้าพูดเฉพาะคำหลัง “เทวทูตสูตร” ก็จะผิดจากความเป็นจริง เพราะข้อความนี้ไม่ใช่ตัวพระสูตร เป็นเพียงคำลงท้ายพระสูตรเท่านั้น ท่านที่สนใจตัวพระสูตรเต็มๆ สามารถตามไปอ่านดูได้ ผมเอาลิงก์มาแปะไว้ให้ข้างล่างนี้ด้วยแล้ว
————————
เทวทูตสูตร
https://84000.org/tipitaka/read/?14/504-525
————————
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่-หากจะเกิดศรัทธาอยากสวดมนต์ ส่วนท่านที่ไม่สนใจและไม่มีศรัทธาเรื่องสวดมนต์ ขอความกรุณาผ่านไปนะครับ ไม่ต้องสนใจใดๆ ให้เสียเวลา
อนุโมทนากับทุกท่านที่อ่านครับ
————————
นิคมคาถาเทวทูตสูตร
————————
อิทะมะโวจะ ภะคะวา
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณภาษิตดังนี้
อิทัง วัต๎วานะ สุคะโต อะถาปะรัง เอตะทะโวจะ สัตถา
ครั้นแล้วพระสุคตผู้ศาสดาก็ได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกดังนี้ว่า –
โจทิตา เทวะทูเตหิ
เย ปะมัชชันติ มาณะวา,
เต ทีฆะรัตตัง โสจันติ
หีนะกายูปะคา นะรา.
นรชนเหล่าใดยังเป็นหนุ่มสาว
อันเทวทูตตักเตือนแล้วมัวประมาทอยู่
นรชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงภพภูมิที่ต่ำทราม
เศร้าโศกอยู่สิ้นกาลนาน
เย จะ โข เทวะทูเตหิ
สันโต สัปปุริสา อิธะ,
โจทิตา นัปปะมัชชันติ
อะริยะธัมเม กุทาจะนัง.
ส่วนนรชนเหล่าใด
เป็นสัตบุรุษผู้สงบระงับในโลกนี้
อันเทวทูตตักเตือนแล้วย่อมไม่ประมาท
ในธรรมของพระอริยะในกาลไหนๆ
อุปาทาเน ภะยัง ทิส๎วา
ชาติมะระณะสัมภะเว,
อะนุปาทา วิมุจจันติ
ชาติมะระณะสังขะเย.
เห็นภัยในความถือมั่น
อันเป็นเหตุแห่งชาติและมรณะแล้ว
ไม่ถือมั่น ย่อมหลุดพ้นได้
ในธรรมเป็นที่สิ้นชาติและมรณะ
เต เขมัปปัตตา สุขิโน
ทิฏฐะธัมมาภินิพพุตา,
สัพพะเวระภะยาตีตา
สัพพะทุกขัง อุปัจจะคุนติ.
นรชนเหล่านั้นเป็นผู้ถึงความเกษม มีสุข
ดับเย็นอยู่ได้ในปัจจุบัน
ล่วงเวรและภัยทั้งปวง
เข้าถึงความล่วงทุกข์ทั้งปวงได้ ดังนี้แล
————————
ที่มา: เทวทูตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
พระไตรปิฎกเล่ม ๑๔ ข้อ ๕๐๔-๕๒๕
————————
คำแนะนำ: คำบาลีที่เป็นคาถา (คือที่เขียนเป็น ๔ บรรทัด) อ่านควบกันทีละ ๒ บรรทัดแล้วหยุดตามเครื่องหมายลูกน้ำ
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๔
๑๕:๔๙
…………………………………
บทสวดมนต์บทใหม่-นิคมคาถาเทวทูตสูตร