บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

อุปาทานแบบเข้าใจง่าย

อุปาทานแบบเข้าใจง่าย

————————-

“อุปาทาน” คำนี้มักมีผู้เขียนและพูดเป็น “อุปทาน” – อุ-ปะ-ทาน 

อุปาทาน กับ อุปทาน เป็นคนละคำกันนะครับ

“อุปทาน” (อุ-ปะ-) เป็นศัพท์บัญญัติ เทียบคำอังกฤษว่า supply คู่กับคำว่า demand ที่บัญญัติคำไทยว่า “อุปสงค์”

“อุปสงค์” แปลว่า ต้องการ อยากได้ สิ่งที่จำเป็นต้องได้ต้องมี

“อุปทาน” แปลว่า “เอาเข้าไปให้” ใครต้องการอะไร จำเป็นต้องมีอะไร ก็เอาสิ่งนั้นเข้าไปให้

“อุปสงค์ – อุปทาน” เป็นศัพท์ทางเศรษฐกิจ

ส่วน “อุปาทาน” (อุ-ปา-) เป็นศัพท์ทางธรรมะ

สังเกตสักนิดก็จะไม่เขียนผิด 

ที่เขียนผิดส่วนมากเกิดจากไม่ใส่ใจ เข้าใจผิดไปว่าที่สะกด “อุปทาน” นั้นถูกต้อง

แม้แต่พูด ออกเสียงว่า อุ-ปะ-ทาน กันก็เยอะ

เพราะไม่คิด ไม่นึก ไม่รับรู้ว่าคำที่ถูกต้องคือ “อุปาทาน”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ บอกไว้ว่า – 

…………………………………..

อุปาทาน : การยึดมั่นถือมั่น, การนึกเอาเองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ. (ป.).

…………………………………..

อุปาทาน แปลว่า การยึดมั่นถือมั่น 

หมายความว่าอย่างไร?

ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายแบบบุคลาธิษฐานเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย

สมมุติว่า มีเหตุการณ์ที่เป็นภัยพิบัติเกิดขึ้นในที่แห่งหนึ่ง อยู่ในต่างประเทศแดนไกล มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

เราได้ยินข่าว เราก็จะรู้สึกสงสารสลดใจในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์

ความผูกพันระหว่างเรากับผู้คนที่ได้รับทุกข์นั้นมีแบบหลวมๆ ในฐานะ “เพื่อนมนุษย์” ตรงกับที่เราพูดกันเป็นคำบาลีว่า สัพเพ สัตตา

ทีนี้สมมุติว่า ในบรรดาผู้บาดเจ็บล้มตายจากภัยพิบัตินั้นมีคนไทยรวมอยู่ด้วย

คราวนี้ความรู้สึกของเราก็ผูกพันใกล้เข้าไปอีกหน่อย ในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน รู้สึกสงสารเห็นใจเป็นพิเศษขึ้นมา

สมมุติต่อไปอีกว่า มีรายละเอียดว่าคนไทยคนหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนพื้นเพเดียวกับเรา เช่นเป็นคนเหนือหรือคนใต้เหมือนเรา

คราวนี้ความรู้สึกของเราจะกระชับแน่นเข้าไปอีก

สมมุติต่อไปว่า คนไทยคนนั้นเป็นคนจังหวัดเดียวกับเรา

ความรู้สึกของเรายิ่งกระชับเข้าไปอีก

… เป็นคนอำเภอเดียวกับเรา

… ตำบลเดียวกับเรา

… บ้านเดียวกับเรา

ความรู้สึกของเรายิ่งผูกพันแน่นขึ้น

… เป็นญาติห่างๆ ของเรา

… เป็นเพื่อนเรา

… เป็นพี่ชายพี่สาวของเรา

… เป็นน้องชายน้องสาวของเรา

ใกล้เข้ามาอีก

… เป็นแม่เรา

… เป็นพ่อเรา

… เป็นลูกเรา

คราวนี้ความรู้สึกของเราจะไม่ใช่แค่สงสารเห็นใจเฉยๆ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่จะเอาตัวเอาใจเอาชีวิตของเราเข้าไปผูกพันแน่นจนแกะไม่ออกทีเดียว

และถ้าใกล้จนเข้ามาถึงตัวเรา-เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เช่นความตายมาเยือนชีวิตของเราจริงๆ คราวนี้อาการจะไม่ใช่แค่ผูกพันแน่นจนแกะไม่ออก หากแต่มันกลายเป็นเนื้อเป็นตัวเป็นชีวิตจิตใจของเราเองเต็มๆ แบบเป็นเนื้อเดียวกันนั่นเลย

ความรู้สึกตามที่ว่ามานี่แหละ คือ “อุปาทาน” ซึ่งท่านแปลแบบสรุปความว่า-ความยึดมั่นถือมั่น

เมื่อใดความคิดจิตใจหลุดพ้นจากอุปาทาน

เมื่อนั้นคือบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ตามสูตรว่า –

…………………………………

อนุปาทาย  อาสเวหิ  จิตฺตํ  วิมุจฺจิ.

เพราะไม่ถือมั่น จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะ

…………………………………

เป้าหมายของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงนั้น

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๙ มกราคม ๒๕๖๕

๑๑:๑๑

………………………………….

อุปาทานแบบเข้าใจง่าย

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *