การอ้างเหตุผลแบบงูกินหาง
การอ้างเหตุผลแบบงูกินหาง
—————————-
……………………………………………..
งูกินหาง : (สํานวน) (คำวิเศษณ์) เกี่ยวโยงกันจากหัวถึงหางโดยซัดกันไปเป็นทอด ๆ.
:พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔
……………………………………………..
เวลาใครพูดผิดเขียนผิดหรือทำอะไรผิด (หมายถึงผิดจากหลักที่ถูกต้องของเรื่องนั้นๆ ไม่ใช่ผิดตามความเห็นส่วนตัวของใคร) แล้วมีใครยกเรื่องนั้นขึ้นมาทักท้วง
ก็จะมีคนลุกขึ้นมาพูดว่า “หมอนี่มันดีแต่จับผิดชาวบ้าน”
เมื่อถูกพูดเช่นนี้ คนทั้งหลายก็มักจะเปลี่ยนท่าที นั่นคือ ต่อไปนี้แม้รู้เห็นว่าใครพูดผิดเขียนผิดหรือทำผิด ก็จะวางเฉย ไม่ทักไม่ท้วง เพราะรู้แล้วว่าถ้าทักท้วงก็จะโดนด่า – “หมอนี่มันดีแต่จับผิดชาวบ้าน”
กล่าวฝ่ายคนที่พูดผิดเขียนผิดหรือทำผิด เมื่อทำผิดลงไปแล้วไม่มีใครท้วง ครั้นต่อมาถ้าใครสงสัยหรือทำท่าจะโต้แย้งหรือทักท้วงว่าเรื่องที่ตนพูดเขียนทำลงไปนั้นว่า “ผิด” เขาก็อ้างทันที –
“ถ้าผิดก็ต้องมีคนทักท้วงมาตั้งนานแล้วสิ นี่ไม่เห็นมีใครทักท้วงอะไรเลย อยู่ๆ จะมาว่าผิดได้อย่างไร”
กระบวนการงูกินหางก็เกิดขึ้นตรงนี้เอง
๑ ทักท้วง ก็ว่าดีแต่จับผิดชาวบ้าน
๒ ก็เลยไม่มีใครกล้าทักท้วง
๓ พอไม่มีใครทักท้วง ก็อ้างว่าถ้าผิดก็ต้องมีคนท้วงไปแล้วสิ
๔ แล้วทำไมไม่มีใครทักท้วงล่ะ?
๕ อ้าว พอทักท้วงเข้าก็โดนด่า-ดีแต่จับผิดชาวบ้าน แล้วใครเขาจะอยากทักท้วงเล่า
๖ พอไม่มีใครทักท้วง ก็อ้างทันทีว่า ที่ทำพูดคิดไปนั้นถูกต้องแล้ว เพราะไม่มีใครทักท้วง
๗ ลองทักท้วงเข้าสิ จะโดนด่าทันทีว่าดีแต่จับผิดชาวบ้าน
๘ ก็เลยไม่มีใครกล้าทักท้วง
๙ พอไม่มีใครทักท้วง ก็อ้างทันที…..
๑๐ …..
เวลานี้เรากำลังเพลิดเพลินกันอยู่ในวังวนของการอ้างเหตุผลแบบงูกินหางแบบนี้แหละ
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๗ มกราคม ๒๕๖๔
๑๖:๕๗
…………………………………
การอ้างเหตุผลแบบงูกินหาง