บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

อย่าทำเพียงแค่นั่งดูนั่งบ่น

อย่าทำเพียงแค่นั่งดูนั่งบ่น

—————————

ภาพที่เห็น เป็นภาพจากโพสต์ของ Zamar Sib Oon 

โพสต์เมื่อ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

……………………………..

https://www.facebook.com/photo/?fbid=448991866291099&set=gm.3944533198943835

……………………………..

ภาพพฤติกรรมหรือพฤติการณ์อื่นๆ ทำนองเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้น และนับวันจะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ-พระทำอย่างนี้ได้หรือ? ทำอย่างนี้ใช่คำสอนในพระพุทธศาสนาหรือ?

ทางแก้ก็คือ –

๑ ช่วยกันให้ความรู้แก่ประชาชนว่า สำหรับพระภิกษุสามเณรเถรวาทในเมืองไทยของเรา อะไรบ้างที่ “ห้ามทำ” และอะไรบ้างที่ “ต้องทำ” 

เวลานี้สังคมขาดความรู้อย่างยิ่ง

๒ การให้ความรู้ที่กล่าวในข้อ ๑ ไม่ต้องรอกัน ไม่ต้องเกี่ยงกัน และอย่าพูดว่าไม่ใช่หน้าที่ของฉัน อย่าถามว่าทำไมต้องเป็นฉัน แล้วคนอื่นๆ ล่ะ 

ก็เพราะแต่ละคนเอาแต่คิดแบบนี้ถามแบบนี้แหละจึงไม่มีใครทำ 

จัดเวลาหาโอกาสแสวงหาความรู้ที่ถูกต้องแล้วช่วยกันเผยแพร่ 

ถ้ายังไม่เคยทำ ทำซะ เดี๋ยวนี้เลย

๓ ท่านที่มีเฟซบุ๊กมีโอกาสดีกว่าคนที่ไม่มี เรื่องไปทำบุญ เรื่องบอกบุญ เรื่องอนุโมทนาบุญ ที่โพสต์กันทุกวันนั้นดีแล้ว โพสต์ต่อไป แต่ขอให้เพิ่มเรื่องที่ไปศึกษาอ่านเขียนเรียนพระธรรมวินัยข้อนั้นข้อนี้ได้รู้มาว่าอย่างนั้นอย่างนี้-โพสต์เรื่องแบบนี้กันบ้าง คนอ่านจะได้พลอยมีความรู้ในหลักพระธรรมวินัยไปด้วย

๔ พระภิกษุสามเณรที่มีเฟซบุ๊ก ขออาราธนาให้เพิ่มงานขึ้นอีกส่วนหนึ่ง คือศึกษาหลักพระธรรมวินัย-อะไรห้ามทำ อะไรต้องทำ-เอามาโพสต์บอกญาติโยมเป็นกิจประจำวัน 

เป็นการศึกษาสำหรับตนเองด้วย 

เป็นการเผยแผ่แก่สังคมด้วย

—————–

อันที่จริงงานตามที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้บริหารการพระศาสนา กล่าวคือพระสังฆาธิการตั้งแต่ระดับเจ้าอาวาสขึ้นไปจนถึงระดับมหาเถรสมาคม 

ขออาราธนาให้ลุกขึ้นมาทำงาน 

อย่างกรณีในภาพ พระวัดไหน ทำอะไร ผิดอย่างไร ถูกอย่างไร เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะพระสังฆาธิการต้องอธิบายชี้แจงได้อย่างทันท่วงที ถ้าผิด แก้ไขอย่างไร จัดการอย่างไรไปแล้ว ต้องบอกกล่าวให้สังคมรู้ได้ ไม่ใช่นิ่งเงียบ ปล่อยเฉยเลยตามเลย 

การบริหารการพระศาสนาเวลานี้น่าอิดหนาระอาใจเป็นที่สุด ตำแหน่งต่างๆ เป็นเหมือนไม่เป็น มีเหมือนไม่มี ไม่แก้ปัญหาอะไรเลย เฉยทุกเรื่อง 

ถ้าผมเป็นฝ่ายต่างศาสนาที่วางแผนครองแผ่นดินไทยแทนพระพุทธศาสนาอยู่ในเวลานี้ผมจะดีใจมากๆ 

ไม่ต้องทำอะไร 

รอคอยเฉยๆ ใจเย็นๆ 

เปลี่ยนท่าทีมาเป็นมิตรกับพระกับชาวพุทธให้มากขึ้นด้วยจะยิ่งดีมาก จะได้ลบภาพ “มีกูต้องไม่มีมึง” ลงไปได้บ้าง

การที่ผู้บริหารการพระศาสนาของเราไม่แก้ปัญหาคาใจชาวบ้าน นั่นคือการทำลายตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครทำ 

ถึงตอนนั้นผู้คนจะเบื่อหน่ายพระ เบื่อหน่ายวัด เบื่อหน่ายพระพุทธศาสนา แล้วจะหันไปนิยมต่างศาสนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

ยิ่งเรามีท่าทีอพยพพระพุทธศาสนาไปอยู่ต่างประเทศกันมากขึ้นอย่างที่กำลังทำกันอยู่ในเวลานี้ ความตั้งใจที่จะรักษาแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินพุทธต่อไปจะแผ่วลงไปเรื่อยๆ 

ถึงตอนนั้น ต่างศาสนาจะได้ทั้งแผ่นดินไทย ได้ทั้งหัวใจคนไทย 

—————–

พระพุทธศาสนาในเมืองไทยเวลานี้อุปมาเหมือนกองทัพที่มีแม่ทัพนายกองสะพรึบสะพรั่งพร้อม แต่งเครื่องแบบงามสง่าอวดกันว่าคุณได้เป็นตำแหน่งนั่น ฉันได้เป็นตำแหน่งนี่ 

แต่ไม่เคยคิดจะออกรบจริง ทั้งๆ ที่ศึกก็รุกมาทุกทาง

ถ้าผู้บริหารการพระศาสนาไม่ตื่นขึ้นมาทำงาน

เราชาวบ้านก็ต้องช่วยกันทำ

วันหนึ่งเราต้องตาย

วันหนึ่งพระพุทธศาสนาต้องเสื่อมสูญ

แต่วันนี้เรายังอยู่

ลูกหลานเราที่จะสืบสายต่อไปก็ยังอยู่

อย่าทำเพียงแค่นั่งดูนั่งบ่น แล้วปล่อยให้พระพุทธศาสนาปี้ป่นไปในยุคสมัยของเรา

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔

๑๕:๔๕

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *