พระมหากรุณาอันมีมาแต่บุญ
พระมหากรุณาอันมีมาแต่บุญ
ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันศุกร์ ที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
เวลา ๑๗.๑๙ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปทรงเปิดร้านหนังสือแว่นแก้ว สาขาสำนักงานใหญ่ ณ ที่ทำการบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
————–
พระมหากรุณาอันมีมาแต่บุญ
—————————–
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด จัดงานเปิดร้านหนังสือแว่นแก้ว สาขาสำนักงานใหญ่ ณ ที่ทำการบริษัท ถนนสุขุมวิท ซอย ๓๑ ทางบริษัทได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในงาน
บริษัทนานมีบุ๊คส์ได้เชิญนักเขียนที่บริษัทนำผลงานไปพิมพ์เผยแพร่ให้ไปร่วมเฝ้ารับเสด็จในงานนี้ด้วย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้รับเชิญในฐานะ “นักเขียน” อันเนื่องมาจากนานมีบุ๊คส์นำเอา “บาลีวันละคำ” ไปพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้
————-
เมื่อเสร็จพิธีการรับเสด็จที่ห้องประชุมใหญ่แล้ว เขาก็เชิญให้บรรดานักเขียนทั้งหลายไปรอเฝ้ารับเสด็จตรงชั้นหนังสือที่มีหนังสือของตัวเองจัดวางไว้ให้ทอดพระเนตร และให้นักเขียนได้ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือของตัวเองด้วย
เฉพาะตัวผม เจ้าของบริษัทแนะว่าตอนกราบทูลรายงานตัวให้เอ่ยถึงฐานะเป็นผู้แต่งกาพย์เห่เรือด้วย-ก็จะดี
ผมก็งงๆ อยู่ว่า ผมมาเฝ้ารับเสด็จในฐานะผู้เขียนหนังสือ “บาลีวันละคำ” จะกราบทูลให้ไปเกี่ยวกับฐานะผู้แต่งกาพย์เห่เรือได้อย่างไร
เมื่อทรงพระดำเนินทอดพระเนตรร้านหนังสือแว่นแก้วมาถึงที่ผมยืนเฝ้าอยู่ ผมก็กราบทูลเบิกตัวเองว่า
ข้าพระพุทธเจ้า นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย อดีตอนุศาสนาจารย์ทหารเรือ ผู้แต่งกาพย์เห่เรือในขบวนพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต่ปีกาญจนาภิเษกเป็นต้นมา เป็นผู้เขียนหนังสือ บาลีวันละคำ พระพุทธเจ้าข้า
แล้วผมก็คุกเข่าทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือ
ทรงรับหนังสือไปเปิดทอดพระเนตรพร้อมกับรับสั่งว่า “ดี”
ระหว่างที่ทอดพระเตรหนังสือบาลีวันละคำอยู่นั้นผมได้กราบทูลต่อไปว่า
ข้าพระพุทธเจ้าเป็นศิษย์ท่านอาจารย์นาวาอากาศเอก แย้ม ประพัฒน์ทอง พระพุทธเจ้าข้า
ผมสังเกตว่าพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มตลอดเวลานั้นยิ่งทรงเบิกบานพระทัยเป็นอันมากเมื่อทรงได้ยินชื่อท่านอาจารย์แย้ม
รับสั่งออกมาทันทีนั้นว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก อาจารย์เดียวกัน”
แล้วก็ทรงมีพระราชานุญาตให้ช่างภาพฉายพระรูปพระองค์ท่านโดยมีผมเฝ้าอยู่ข้างๆ
เป็นพระเมตตาและพระมหากรุณาล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้
———
ผมเรียนบาลีเมื่ออายุ ๑๘
ครูคนแรกคือ พระมหาถวิล (ถวิล เรืองจรูญ) เปรียญธรรม ๓ ประโยค สอนวิชาไวยากรณ์ เปรียบเสมือนผู้ควักเอาดินมาปั้นขึ้นรูป
และสุดท้ายผมมาได้ท่านอาจารย์นาวาอากาศเอก แย้ม ประพัฒน์ทอง เปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นครูสอนวิชาแต่งฉันท์ และยังได้แนะนำสั่งสอนเพิ่มเติมอีกสารพัด รวมทั้งการวางตัวและการใช้ชีวิต เปรียบเสมือนผู้ขัดแต่งดินก้อนนั้นจนกลายมาเป็นผมอยู่ทุกวันนี้
อาศัยวิชาที่รับถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์พอมีความรู้เขียน “บาลีวันละคำ” จนได้ทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตร ได้รับพระราชทานพระราชกระแสว่า “ดี”
คำเดียว แต่ครอบคลุมไว้ได้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง
บุญของครูบาอาจารย์ชักนำพระบารมีปกแผ่มาถึงผมโดยแท้
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เทอญ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗
…………………………….