บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

เป็นให้เป็น

———-

อตฺตภูโต สุภูโตว 

ปรภูโต ทุภูตโก

อิติ ญตฺวา สุธมฺมฏฺโฐ 

ภเว สพฺพตฺถ สพฺพทา. 

เป็นเพื่อตนเอง เป็นง่าย 

เป็นเพื่อผู้อื่น เป็นยาก

รู้ดังนี้แล้วพึงตั้งอยู่ในธรรมอันงาม

ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ เทอญ 

……………………

เมื่อเช้านี้ (๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒) ผมเดินออกกำลังแล้วก็ถือโอกาสเลี้ยวเข้าไปไหว้พระในวัดมหาธาตุ ราชบุรี พอดีว่าวันนี้มีพิธีอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ มีญาติโยมเข้ามาช่วยงานกันมากหน้าหลายตา 

ผมเร่เข้าไปนั่งข้างๆ โรงเลี้ยงน้ำ 

อยู่ในอาการสงบ 

อยากกินกาแฟ แต่ไม่บอกใคร 

เหมือนพระไปบิณฑบาต 

ยืนสงบ ไม่เอ่ยปาก 

ให้ญาติโยมรู้เอาเองจากอาการ

มีญาติโยมหลายท่านเข้ามาสนทนาปรารภเรื่องที่กำลังอยู่ในห้วงนึกของผู้คนในเวลานี้ 

ส่วนใหญ่แล้วมีท่าทีไปในทางเดียวกัน 

ผมก็เลยให้สติไปว่า เป็นอะไรมันไม่สำคัญเท่ากับทำอะไร เพราะฉะนั้นอย่าไปเพ่งเล็งตรงที่ว่าใครเป็นอะไร แต่ขอให้ดูกันที่ใครทำอะไร 

ว่าแล้วผมก็เลยถือโอกาสเทศน์นอกธรรมาสน์ว่า เรื่องแบบนี้มีคนอยู่ ๒ จำพวก 

จำพวกหนึ่ง-ทำเพื่อจะได้เป็น 

เช่น เรียนบาลีเพื่อหวังจะได้เป็น “มหา” 

พอสอบได้เป็นมหาสมใจแล้วก็เลิกเรียน

อีกจำพวกหนึ่ง-เป็นเพื่อจะได้ทำ 

เช่น เป็นลูกวัด อะไรที่เห็นว่าควรทำ อยากทำก็ทำไม่ค่อยสะดวกเพราะท่านเจ้าอาวาสไม่เอาด้วย 

ก็เลยอยากเป็นเจ้าอาวาส 

พอได้เป็นเจ้าอาวาสแล้วก็ทำสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ 

นี่คือเป็นเพื่อจะได้ทำ 

เทศน์มาถึงตรงนี้ โยมที่ฟังก็ท้วงว่า ลุงอย่าเฉออกนอกประเด็นสิ 

ผมก็ยืนยันว่าไม่ได้เฉ 

ประเด็นของผมก็คือ ไม่ว่าจะได้เป็นเพราะมีผลงาน หรือเป็นแล้วจะได้สร้างผลงานก็ตามทีเถิด หลักมันอยู่ตรงที่-ถ้าเราเป็นเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง มันก็ง่าย 

เป็นแล้วอยากทำอะไรเพื่อตัวเองก็ทำได้ตามสบาย 

ไม่ต้องห่วงใคร 

ห่วงตัวเองอย่างเดียว 

แบบนี้เป็นง่าย 

คนส่วนมากที่เป็นอะไรต่อมิอะไรกันอยู่ทุกวันนี้นิยมเป็นกันแบบนี้ 

แต่เป็นเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น คือทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม แบบนี้เป็นยาก 

คือเป็นน่ะเป็นได้ แต่ถ้าเป็นแล้วไม่ทำประโยชน์ หรือทำไม่เป็น หรือไม่ถนัดที่จะทำ นี่คือเป็นไม่เป็น ความยากอยู่ตรงนี้ 

อย่างเป็น ส.ส. นี่ก็คือเป็นเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน 

เป็น ส.ส. นะใครก็เป็นได้-ถ้ารู้จักเทคนิคที่ทำให้คนต้องมนตร์สะกดกาเบอร์ของตัว 

แต่พอได้เป็น ส.ส.แล้ว ส่วนมากมุ่งแต่แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง 

ตรงนี้ต่างหากที่เป็นตัวชี้วัดว่า การเป็น ส.ส.แล้วทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน-ตามหลักการและข้อตกลงที่ควรจะเป็นเช่นนั้น-เป็นยากจริงๆ 

เพราะฉะนั้น เมื่อรู้ความจริงดังที่แสดงมานี้แล้ว บัณฑิตผู้ที่ได้เป็นอะไรแล้วหรือกำลังหวังว่าจะได้เป็นอะไรต่อไป จึงควรตั้งตนไว้ในธรรมอันงาม คือตั้งใจบำเพ็ญประโยชน์ให้เต็มกำลัง ด้วยความไม่ประมาท ในที่ทุกสถานและในกาลทุกเมื่อ เทอญ

…………………

เทศน์จบ ญาติโยมที่ฟังก็ส่ายหน้า บอกว่าลุงพูดไม่ตรงประเด็นเท่าไร แต่ก็พอฟังได้อยู่ พอคุ้มค่ากาแฟ ปาท่องโก๋ 

ออกจากวัด ระหว่างเดินกลับบ้านผมก็แต่งกลอนภาษาบาลีได้ ๑ บท ดังที่โพสต์ให้อ่านกัน และนำมาเป็นภาพประกอบเรื่องนี้

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒

๑๘:๔๓

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *