เทพประทานพร
—————
ผมเดินออกกำลังตอนเช้าแบบไม่ซ้ำทิศทาง
ถ้าใช้ภาษานักเลงก็ต้องบอกว่า-ดักตีหัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะไปทางไหน
ช่วงเวลาเดินออกกำลัง นอกจากได้บริหารร่างกายแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ทำบุญอีกด้วย
อย่างแรก-และทำเป็นประจำวัน-คือทานมัย
ผมไม่ได้ใส่บาตร ด้วยเหตุผลที่เคยบอกมาแล้ว
แต่ใส่ตู้บริจาคตามวัดแทน
นอกจากนี้ก็จะเป็นบุญจร กล่าวคือ-แล้วแต่จะไปเจออะไร
ถ้าไม่เจออะไร ผมก็บำเพ็ญบุญภาวนามัยเป็นพื้น
สวดมนต์ไปบ้าง
เจริญสติกำหนดอิริยาบถที่กำลังก้าวเท้าแขว่งแขนไปในขณะเดินบ้าง
ตาดูหูฟังภาพและเสียงที่อยู่รอบตัว กำหนดว่าเห็นสักว่าเห็น ได้ยินสักว่าได้ยินบ้าง
เรียกว่า เก็บบุญใส่ย่ามไปตามสัตติกำลัง
สัตติ แปลว่า ความสามารถที่มีอยู่-คือทำเป็น
กำลัง แปลว่า เรี่ยวแรงที่มีอยู่-คือทำไหว
บางเรื่องทำเป็น แต่ทำไม่ไหว เช่นอยากเปิดโรงเรียนสอนบาลี แต่ไม่มีทุน
บางเรื่องทำไหว แต่ทำไม่เป็น เช่นรวยไม่รู้เรื่อง คือมีเงิน แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์อย่างไรดี
ตามสัตติ ภาษาบาลีว่า ยถาสตฺติ
ตามกำลัง ภาษาบาลีว่า ยถาพลํ
สัตติ เรามักพูดและเขียนกันผิดเป็น “สติ” ที่แปลว่าความระลึกได้
โปรดทราบว่า คำที่ถูกต้อง คือ ตามสัตติกำลัง
ไม่ใช่ตามสติกำลัง
————
วันนี้ผมเดินผ่านไปทางหน้าโรงพยาบาลเมืองราช
ถนนหน้าโรงพยาบาลเขาปลูกต้นปาล์มบนเกาะกลางถนน
ไม้ชนิดต้นเดียวยอดเดียวแบบนี้เราเรียกเป็นคำอังกฤษว่า ปาล์ม (palm) ทั้งนั้น
ปาล์มไทยคือตาล-มะพร้าว
ส่วนปาล์มที่นิยมปลูกบนเกาะกลางถนนจะมีชื่อเฉพาะว่าอย่างไรไม่ทราบ
แต่ไม่ได้ปลูกไว้ “เอารส” คือกินลูกกินผลเหมือนตาล-มะพร้าว
ไม่ได้ปลูก “เอาร่าง” คือเอาต้นเอากิ่งก้านไปทำไม้ทำฟืน
ไม่ได้ปลูกไว้ “เอาร่ม” คือเอาไว้อาศัยร่มเงาบังแดด
แต่ปลูก “เอารูป” คือเอาไว้ดูต้นดูใบพอให้สบายตา
พอเดินเลยหน้าโรงพยาบาลเมืองราชไปได้หน่อยเดียว ผมก็เห็นทางปาล์มหล่นลงมาบนถนน ๒ ทาง
ใบตาลใบมะพร้าวพร้อมทั้งก้าน ภาษาบ้านเราเรียกว่า “ทางตาล” “ทางมะพร้าว” ไม้ชนิดนี้จะมีก้านยาวแข็งเป็นส่วนที่ใบงอกออกมา โคนก้านจะเป็นกาบ ใบแก่จะหลุดจากต้นพร้อมทั้งก้านทั้งกาบ
เห็นได้ว่าทางปาล์มทั้งคู่นั้นได้มีผู้ลากหลบเข้าข้างถนนแล้ว แต่ยังอยู่บนถนน และกินที่บนถนนไปเกือบครึ่ง รถผ่านได้ แต่ต้องหลบ มิฉะนั้นจะทับลงไปบนทางปาล์ม
ผมเดินไปถึงก็จัดการลากทางปาล์มทั้งคู่ขึ้นบนทางเท้า เอาไปวางไว้ชิดด้านในเพื่อไม่ให้กีดทางคนเดิน
ได้บุญจรไปเรื่องหนึ่ง
————
เดินต่อไปอีกหน่อย เป็นสี่แยก เคยเรียกกันว่าแยกนิสสัน เพราะมีร้านขายรถนิสสันมาตั้งอยู่ตรงนั้น
แยกนี้แหละที่คุณกอบกุล นพอมรบดี นักการเมืองชื่อดังของราชบุรีถูกยิงเสียชีวิตขณะรถติดไฟแดง
คนก็เลยเรียกกันว่า “แยกกอบกุล”
จากหน้าโรงพยาบาลเมืองราชจะไปสี่แยกกอบกุล เป็นทางโค้ง ผมเจอทางมะพร้าวอีกทางหนึ่งขวางอยู่กลางถนน อยู่ในสภาพล่อนลุ่ยไปมากแล้วเพราะถูกรถทับ แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมอยู่บนถนน
พอรถว่าง ผมก็เข้าไปลากออกมาแล้วเอาไปวางไว้ที่โคนไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ลึกจากข้างถนนเข้าไป
ได้บุญจรไปอีกเรื่องหนึ่ง
————
เลยสี่แยกกอบกุลไปทางใต้ประมาณ ๒๐๐ เมตรจะเป็นสำนักงานไปรษณีย์เขต ๗
ก่อนถึงหน้าสำนักงานไปรษณีย์ฯ ผมเจอหนอนบุ้งสีดำตัวหนึ่งกำลังคืบคลานมุ่งหน้าจะข้ามถนน
ผมประมาณสถานการณ์ดูแล้ว ถ้าบุ้งตัวนี้คลานข้ามถนน โอกาสรอดเป็นศูนย์แน่ๆ เพราะรถที่พุ่งมาจากสี่แยกหนาแน่นมาก
ผมใช้วัสดุที่แสวงหาได้ในภูมิประเทศ (ผมได้คำนี้มาจากภาษาทหาร นย.สมัยไปอยู่นราธิวาส) เบี่ยงเบนทิศทางเดินของบุ้ง
จนในที่สุดบุ้งตัวนั้นก็บ่ายหน้าลงข้างทางแทนที่จะข้ามถนน
ผมหวังว่ามันจะยังชีพอยู่ในบริเวณนั้นได้ต่อไปตามอายุขัย
เป็นบุญจรอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ทำในเช้าวันนี้
บุญทั้งหมดที่ผมทำเช้าวันนี้เป็นบุญติดดิน
ทำได้ง่ายๆ ทำได้ทั่วไปถ้ามีใจคิดจะทำ
————
ผมเดินไปจนถึงแยกเจดีย์หักซึ่งกำลังสร้างสะพานข้ามถนน เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนถึงแยกต้นสำโรงจะมีศาลาโถงเก่าๆ อบต.เจดีย์หักใช้เป็นที่ปิดประกาศต่างๆ
ผมเดินถึงศาลาก็เห็นภาพขนาดโปสต์การ์ดใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเก่าๆ ที่ตั้งอยู่ในศาลานั้น
เป็นภาพที่ผมนำมาลงประกอบเรื่องวันนี้ดังที่ญาติมิตรได้เห็น
ผมเชื่อว่า ตามปกติภาพที่เป็นมงคลเช่นนี้ไม่ควรที่จะมีใครวางทิ้งไว้ในที่สาธารณะ
นี่คงเป็นรางวัลแห่งบุญที่ได้ทำในเช้าวันนี้-ที่เทวดาท่านประทานให้ผม
พระสงฆ์ในภาพ เห็นใบหน้าไม่ชัดเพราะภาพลอกเลือน แต่เข้าใจว่าเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ได้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพไปเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคมที่ผ่านมา
ผมไม่เคยมีภาพเช่นนี้มาก่อน จึงเอามาเก็บไว้ในตู้หนังสือซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังที่ผมนั่งทำงาน
ภาพนี้จะมองเห็นผมทุกวัน
และคงจะได้ประทานพรให้ผมทุกวันด้วย
ผมเรียกเอาเองว่า-ภาพเทพประทานพร
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘
๑๓:๔๕
…………………………….