สุภกิณหา (บาลีวันละคำ 3,522)
สุภกิณหา
รูปพรหมชั้นที่เก้า
อ่านว่า สุ-พะ-กิน-นฺหา (ณ ควบ ห จะออกเสียงว่า สุ-พะ-กิน-หนา ก็ได้) เขียนแบบบาลีเป็น “สุภกิณฺหา” แยกศัพท์เป็น สุภ + กิณฺหา
(๑) “สุภ”
อ่านว่า สุ-พะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สุ (คำอุปสรรค = ดี,งาม) + ภา (ธาตุ = รุ่งเรือง) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ, ลบสระที่สุดธาตุ (ภา > ภ)
: สุ + ภา = สุภา + กฺวิ = สุภากฺวิ > สุภา > สุภ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่รุ่งเรืองด้วยดี”
(2) สุภฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง) + อ (อะ) ปัจจัย
: สุภฺ + อ = สุภ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่งดงาม”
(3) สุ (คำอุปสรรค = ดี,งาม) + ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ, ลบสระที่สุดธาตุ (ภู > ภ)
: สุ + ภู = สุภู + กฺวิ = สุภูกฺวิ > สุภู > สุภ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่เป็นโดยสภาวะที่งดงาม”
“สุภ” ใช้เป็นคุณศัพท์หมายถึง –
(1) เจิดจ้า, สว่าง, งดงาม (shining, bright, beautiful)
(2) ได้ฤกษ์, โชคดี, น่าพึงใจ (auspicious, lucky, pleasant)
“สุภ” ใช้เป็นคำนามหมายถึง สวัสดิภาพ, ความดี, ความพึงใจ, ความสะอาด, ความสวยงาม, สุขารมณ์ (welfare, good, pleasantness, cleanliness, beauty, pleasure)
บาลี “สุภ” สันสกฤตเป็น “ศุภ” (ศุ– ศ ศาลา)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
(1) ศุภ : (คำวิเศษณ์) เปนสุขหรือมีสุข, มีโชคหรือเคราะห์ดี, มีหรือเป็นมงคล; งาม; วิศิษฏ์; คงแก่เรียน; happy, fortunate, auspicious; handsome, beautiful; splendid; learned.
(2) ศุภ : (คำนาม) มงคล; ศุภโยค, โชคหรือเคราะห์ดี; สุข; นักษัตรโยคอันหนึ่ง; คณะเทพดา; ข้าวหลาม; อาภา; โสภาหรือความงาม; auspiciousness; good junction or consequence, good fortune; happiness; one of the astronomical Yogas; an assemblage of the gods; bamboo-manna; light; beauty.
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “ศุภ” (ศ ศาลา) ของสันสกฤต และ “สุภ” (ส เสือ) ของบาลี บอกความหมายไว้เหมือนกันว่า “ความงาม, ความดีงาม, ความเจริญ”
ในที่นี้สะกดตามรูปบาลีเป็น “สุภ”
(๒) “กิณฺหา”
อ่านว่า กิน-นฺหา (ณ ควบ ห จะออกเสียงว่า -หนา ก็ได้) รูปศัพท์เดิมเป็น “กิณฺห” รากศัพท์มาจาก กิรฺ (ธาตุ = กระจาย) + ต ปัจจัย, ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (กิร > กิ), แปลง ต เป็น ณฺณฺ แล้วแปลง (ณฺ)-ณ เป็น ห (ต > ณฺณ > ณฺห)
: กิรฺ + ต = กิรต > กิต > กิณฺณ > กิณฺห แปลตามศัพท์ว่า “กระจายไปแล้ว” หมายถึง เรี่ยราด, กระจัดกระจาย, เกลื่อนกล่น (strewn, scattered, covered)
สุภ + กิณฺห = สุภกิณฺห (สุ-พะ-กิน-นฺหะ) แปลว่า “มีความงามกระจายออกไป”
ในภาษาบาลี “สุภกิณฺห” ใช้เป็นคุณศัพท์ขยายคำว่า “เทวา” (เทวดาทั้งหลาย) จึงเปลี่ยนรูปเป็น “สุภกิณฺหา”
“สุภกิณฺหา” ในที่นี้ใช้ในภาษาไทยเป็น “สุภกิณหา” (ไม่มีจุดใต้ ณ เณร) คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
อภิปรายขยายความ :
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายมหานิทานสูตร ไขความคำว่า “สุภกิณฺหา” ไว้ดังนี้ –
…………..
สุภกิณฺหาติ สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา ฯ สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกฆนาติ อตฺโถ ฯ เอเตสํ หิ อาภสฺสรานํ วิย น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ ฯ
คำว่า สุภกิณฺหา มีความหมายว่า ความงามระบายฉายฉานออกไป หมายถึงแสงสีแห่งรัศมีจากรูปกายอันงามแผ่ผายออกเป็นเนื้อเดียวกัน กล่าวคือรัศมีแห่งเหล่าพรหมสุภกิณหานั้นแผ่ออกไปไม่ขาดเป็นช่วงๆ เหมือนรัศมีของพรหมอาภัสระ
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 179
…………..
คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาวิภังคปกรณ์ อภิธรรมฺปิฎก ตอนธัมมหทยวิภังคนิทเทส หน้า 835 กระจายศัพท์ให้เห็นที่มาของชื่อนี้ว่า
…………..
สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมญฺชุสาย ฐปิตสมุชฺชลิตกาญฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺหา ฯ
ชื่อว่า สุภกิณหา เพราะพรหมเหล่านั้นมีความงามระบายฉายฉานออกไป มีรัศมีแห่งสรีระงดงาม มีสีแห่งกายเป็นอันเดียวกัน มีความผ่องแผ้วดุจแท่งทองคำรุ่งเรืองสุกใสอันเก็บไว้ในหีบทองคำฉะนั้น
…………..
“สุภกิณหา” เป็นชื่อของพรหมชั้นที่ 9 ในรูปาวจรภูมิซึ่งมีทั้งหมด 16 ชั้น พรหม “สุภกิณหา” เป็นพรหมระดับตติยฌาน (ในการเจริญฌานแบบจตุกนัย) หรือระดับจตุตถฌาน (ในการเจริญฌานแบบปัญจกนัย) ซึ่งมี 3 จำพวก คือ ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา และสุภกิณหา
…………..
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายมหานิทานสูตร อธิบายเรื่องพรหม 3 จำพวกที่เกิดด้วยอำนาจตติยฌานหรือจตุตถฌานเหมือนกัน คือ พรหมปริตตสุภา พรหมอัปปมาณสุภา และ พรหมสุภกิณหา เปรียบเทียบกันดังนี้ –
…………..
ปญฺจกนเย ปน ปริตฺตมชฺฌิมปณีตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน โสฬสทฺวตฺตึสจตุสฏฺฐิกปฺปายุกา ปริตฺตสุภา อปฺปมาณสุภา สุภกิณฺหา นาม หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ ฯ
แต่ในการเจริญฌานแบบปัญจกนัย ผู้เจริญจตุตถฌานระดับเล็กน้อยมาเกิด ชื่อว่าพรหมปริตตสุภา มีอายุ 16 กัป
ผู้เจริญจตุตถฌานระดับปานกลางมาเกิด ชื่อว่าพรหมอัปปมาณสุภา มีอายุ 32 กัป
ผู้เจริญจตุตถฌานระดับประณีตมาเกิด ชื่อว่าพรหมสุภกิณหา มีอายุ 64 กัป
อิติ สพฺเพปิ เต เอกตฺตกายา เจว จตุตฺถชฺฌานสญฺญาย เอกตฺตสญฺญิโน จาติ เวทิตพฺพา ฯ
พึงทราบว่า พรหมเหล่านั้นทั้งหมดมีรูปกายเหมือนกัน และเมื่อว่าตามสัญญาในจตุตถฌานก็มีสัญญา (คือความรู้สึกนึกคิดจำได้หมายรู้สิ่งต่างๆ) เหมือนกัน ด้วยประการฉะนี้
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 179
…………..
สรุปว่า พรหมสุภกิณหาคือผู้เจริญจตุตถฌานระดับประณีตมาเกิด มีอายุยืนยาว 64 กัป ลักษณะเด่นตามนามที่ปรากฏ คือ รูปกายมีรัศมีพร่างพรายฉายฉานบมิได้ขาดช่วง งามนักหนา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ภิกษุที่อุตส่าห์รักษาพระจตุปาริสุทธิศีลมิให้ขาด
: งามพิลาสยิ่งกว่าพรหมสุภกิณหาร้อยเท่าพันทวี
#บาลีวันละคำ (3,522)
2-2-65
…………………………….