บาลีวันละคำ

เทวกรรม์รังรักษ์ (บาลีวันละคำ 3,554)

เทวกรรม์รังรักษ์

ช่วยกันทัก-กรรม์ ต้องมีการันต์ที่

อ่านว่า เท-วะ-กัน-รัง-รัก

ประกอบด้วยคำว่า เทวกรรม์ + รังรักษ์ 

(๑) “เทวกรรม์

โปรดสังเกตว่า ในที่นี้สะกดเป็น “เทวกรรม์” มีการันต์ที่ ม์ รูปคำปกติคือ “เทวกรรม” (ไม่มีการันต์ที่ ม์) ประกอบด้วยคำว่า เทว + กรรม 

(ก) “เทว” บาลีอ่านว่า เท-วะ รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + (อะ) ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว

: ทิวฺ + = ทิว > เทว (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ” 

ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกัน คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา 

แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังมีความหมายอีกหลายอย่าง 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เทว” ไว้ดังนี้ –

(1) good etc. (สิ่งที่ดี และอื่นๆ)

(2) a god, a deity, a divine being (เทวดา, เทพเจ้า, เทพ)

(3) the sky, rain-cloud, rainy sky, rain-god (ท้องฟ้า, เมฆฝน, ท้องฟ้ามีฝน, เทพแห่งฝน) 

(ข) “กรรม” บาลีเป็น “กมฺม” อ่านว่า กำ-มะ รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = กระทำ) + รมฺม (รำ-มะ, ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุและ ที่ต้นปัจจัย

: กร > + รมฺม > มฺม : + มฺม = กมฺม

กมฺม” แปลว่า การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (the doing, deed, work) นิยมใช้ทับศัพท์อิงรูปสันสกฤตว่า “กรรม

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

กรรม ๑, กรรม– ๑ : (คำนาม) (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม.(๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ.(๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ.(๔) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.”

ในที่นี้ “กรรม” หมายถึง การงานทั่วไป

เทว + กมฺม = เทวกมฺม (เท-วะ-กำ-มะ) แปลว่า “งานของเทวดา” 

เทวกมฺม” ใช้ในภาษาไทยเป็น “เทวกรรม” ในที่นี้หมายถึง “เทวดาผู้ทำงาน” คือเทวดาผู้มีหน้าที่ในการก่อสร้าง ความหมายเช่นนี้ “เทวกรรม” ก็น่าจะหมายถึง พระวิษณุกรรม 

สืบค้นเบื้องต้น พบว่ามีหนังสือเก่าต้นฉบับจากสมุดไทย ชื่อ “ตำราเทวรูปพระไสยศาสตร์” มีรูปเทพองค์หนึ่ง ลักษณะคล้ายคลึงกับพระพิฆเนศ สะกดชื่อว่า “พระเทวกรรม์” (มีเครื่องหมายทัณฑฆาตบน ) ว่าเป็นเทพแห่งวิชาช้าง (คชศาสตร์) บ้างก็ว่าเป็นเทพแห่งการช่าง (ช้างกับช่าง ดูจะสับสนกันอยู่ชอบกล)

ถ้าลงมติตามชื่อสะพาน “พระเทวกรรม์” ก็น่าจะเป็นเทพแห่งช่าง คล้ายกับพระวิษณุกรรม ขอผู้ใฝ่รู้พึงศึกษาสืบสวนต่อไปเถิด และผู้ที่รู้แล้วพึงบอกกล่าวเพื่อบูรณาการเป็นองค์ความรู้ร่วมกันด้วยเถิด

คำว่า “เทวกรรม” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

โปรดสังเกตว่า ในที่นี้คำนี้สะกดเป็น “เทวกรรม์” (มีการันต์ที่ )

(๒) “รังรักษ์

อ่านว่า รัง-รัก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “รัง” บอกไว้ว่า –

รัง ๓ : (คำกริยา) แต่ง, สร้าง, ตั้ง.”

พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกว่า “รัง” เป็นภาษาอะไรหรือมาจากภาษาอะไร

คำว่า “รังรักษ์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รังรักษ์ : (คำกริยา) สร้าง; คุ้มครอง.”

ตามรูปคำและตามความหมายนี้ “-รักษ์” ก็คือ “รักษา”ที่เราคุ้นกันดี เขียนตามรูปคำสันสกฤตเป็น “รกฺษ

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

รกฺษ : (คำนาม) การรักษา, การคุ้มครองป้องกัน; เท่าหรืออังคาร; preserving, protecting; ashes.”

รักษ์” บาลีเป็น “รกฺข” (รัก-ขะ) รากศัพท์มาจาก รกฺข (ธาตุ = ดูแล, รักษา) + (อะ) ปัจจัย

: รกฺข + = รกฺข แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ดูแล” “ผู้รักษา

ในบาลีมีคำว่า “รกฺขก” (รัก-ขะ-กะ) อีกคำหนึ่ง รากศัพท์มาจาก รกฺข + + ปัจจัย หรือบางทีเรียก “ก สกรรถ” (กะ สะ-กัด) คือลง ปัจจัยความหมายเท่าเดิม

รกฺข > รกฺขก มีความหมายดังนี้ –

(1) คุ้มครอง, ป้องกัน, ระมัดระวัง, เอาใจใส่ (guarding, protecting, watching, taking care)

(2) ปฏิบัติ, รักษา (observing, keeping)

(3) ผู้เพาะปลูก (สติปัญญา) (a cultivator)

(4) ทหารยาม (a sentry, guard, guardian)

รกฺข > รกฺษ ในภาษาไทยใช้เป็น “รักษ์” “รักษา

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รักษ์, รักษา : (คำกริยา) ระวัง เช่น รักษาสุขภาพ, ดูแล เช่น รักษาทรัพย์สมบัติ, ป้องกัน เช่น รักษาบ้านเมือง, สงวนไว้ เช่น รักษาความสะอาด รักษาไมตรี; เยียวยา เช่น รักษาคนไข้. (ส.; ป. รกฺข).”

ดูตามความหมายจากพจนานุกรมฯ ที่ว่า “รัง” หมายถึง แต่ง, สร้าง, ตั้ง แต่เมื่อมาประสมกับ “รักษ์” เป็น “รังรักษ์” ความหมายก็ขยายไปเป็น สร้าง; คุ้มครอง ดังจะให้เข้าใจว่า “สร้าง” มาจาก “รัง” “คุ้มครอง” มาจาก “รักษ์

เทวกรรม์ + รังรักษ์ = เทวกรรม์รังรักษ์ ตามชื่อคงมีความประสงค์จะให้มีความหมายว่า “สะพานที่พระเทวกรรมสร้าง” หรือ “สะพานที่พระเทวกรรมคุ้มครอง” 

ขยายความ :

สะพานเทวกรรม์รังรักษ์” เป็นชื่อสะพานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ 

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (อ่านเมื่อ 6 มีนาคม 2565 เวลา 20:30) มีคำว่า “สะพานเทวกรรมรังรักษ์” (ไม่มีการันต์ที่ ) บรรยายความตอนหนึ่ง ดังนี้ (วรรคตอนและสะกดตามต้นฉบับ)

…………..

สะพานเทวกรรมรังรักษ์ เป็นสะพานข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ในแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กับแขวงสี่แยกมหานาค และแขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นสะพานที่เชื่อมถนนนครสวรรค์เข้าไว้ด้วยกันและตัดกับถนนกรุงเกษมที่เชิงสะพาน โดยเป็นสี่แยก เป็นสะพานที่อยู่ใกล้กับวัดโสมนัสวิหาร, ทำเนียบรัฐบาล และย่านนางเลิ้ง ชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร รวมถึงราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสนามม้านางเลิ้ง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้สร้างและทรงเปิดสะพานนี้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 เป็นสะพานที่มีความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกผสมไทย ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2517

…………..

ข้อสังเกต :

ชื่อสะพานชุดนี้ ท่านตั้งให้มีคำสัมผัสคล้องจองกัน เริ่มตั้งแต่ –

เทเวศรนฤมิตร

วิศสุกรรมนฤมาน (วิศ– รับสัมผัสกับ –มิตร)

มัฆวานรังสรรค์ (-วาน รับสัมผัสกับ –มาณ)

ชื่อต่อไปคือ “เทวกรรม์รังรักษ์” จะต้องมีคำรับสัมผัสกับ “-สรรค์” คำนั้นก็คือ “-กรรม์” (มีการันต์ที่ ม์) อ่านว่า -กัน ไม่ใช่ “-กรรม” (ไม่มีการันต์ที่ ม์) ถ้าสะกดตามปกติเช่นนี้จะต้องอ่านว่า กำ ซึ่งจะไม่รับสัมผัสกับ “-สรรค์” 

มัฆวานรังสรรค์ = มัก-คะ-วาน-รัง-สัน

เทวกรรม์รังรักษ์ = เท-วะ-กัน-รัง-รัก

โปรดสังเกตว่า ชื่อสะพาน “เทวกรรม์รังรักษ์” ตามที่ปรากฏ สะกดเป็น “เทวกรรมรังรักษ์” (ไม่มีการันต์ที่ ม์) เป็นการสะกดผิด อาจเนื่องมาจากผู้ตกลงใจให้สะกดเช่นนี้ (ไม่มีการันต์ที่ ม์) ไม่เข้าใจเหตุผลในทางอักขรวิธีที่ต้องการให้เป็นคำที่รับสัมผัสกัน อันที่จริงก็บอกกล่าวและรับรู้กันมาตั้งแต่ต้นว่า สะพานชุดนี้ท่านตั้งชื่อให้รับสัมผัสกัน ไฉนจึงไม่นึกถึงเจตนาข้อนี้ ถ้าเอาชื่อมาเรียงกันทั้งชุดก็จะเห็นว่ารับสัมผัสกันทุกชื่อ กล่าวคือ

เทเวศรนฤมิตร (ส่งสัมผัสด้วย –มิตร)

วิศสุกรรมนฤมาณ (วิศ– รับสัมผัสกับ –มิตร ส่งสัมผัสด้วย –มาณ)

มัฆวานรังสรรค์ (-วาน รับสัมผัสกับ –มาณ ส่งสัมผัสด้วย –สรรค์)

เทวกรรม์รังรักษ์ (-กรรม์ รับสัมผัสกับ –สรรค์ ส่งสัมผัสด้วย –รักษ์)

จตุรภักตร์รังสฤษดิ์ (-ภักตร์ รับสัมผัสกับ –รักษ์)

ลองอ่านดู จะเห็นว่ารับสัมผัสคล้องจองกันไปตลอดทุกชื่อ

…………..

คำทำนองนี้ที่อาจนำมาเทียบเพื่อให้เห็นชัดขึ้นก็คือ พระราชนิพนธ์ในลิลิตนิทราชาคริตที่เราคุ้นกันดี บทที่ว่า –

………………………………………..

บารมีพระมากพ้น………….รำพัน

พระพิทักษ์ยุติธรรม์……….ถ่องแท้

บริสุทธิ์ดุจดวงตะวัน………ส่องโลก  ไซร้แฮ

ทวยราษฎร์รักบาทแม้…….ยิ่งด้วยบิตุรงค์

………………………………………..

คำว่า “ยุติธรรม์” ปกติที่ใช้กันสะกดเป็น “ยุติธรรม” อ่านว่า ยุด-ติ-ทำ แต่ในที่นี้ต้องการเสียงสัมผัสรับคำว่า “รำพัน” จึงสะกดเป็น “ยุติธรรม์” (มีการันต์ที่ ม์) อ่านว่า ยุด-ติ-ทัน 

เสียง “ทัน” รับสัมผัสกับ “พัน” ตามฉันทลักษณ์ของโคลง

คำนี้ ถ้าไม่สังเกตและไม่รู้หลักฉันทลักษณ์ ก็จะมีคนสะกดตามปกติเป็น “พระพิทักษ์ยุติธรรม” และอ่านว่า –ยุด-ติ-ทำ โดยไม่รู้ว่าเป็นการผิดหลักฉันทลักษณ์

“พระพิทักษ์ยุติธรรม์” (–ยุด-ติ-ทัน) ฉันใด

เทวกรรม์รังรักษ์” (เท-วะ-กัน–) ก็ฉันนั้น 

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ใช้คำให้ถูกคำ

: ใช้คนให้ถูกคน

#บาลีวันละคำ (3,554)

6-3-65 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *