ธชาหฏา-ภรรยาประเภทที่ 9 (บาลีวันละคำ 3,595)
ธชาหฏา-ภรรยาประเภทที่ 9
ภรรยาเชลย
…………..
ควรทราบก่อน :
ในจำนวนศีล 227 สิกขาบทของภิกษุ ในหมวดอาบัติสังฆาทิเสสมี 13 สิกขาบท สิกขาบทที่ 5 บัญญัติว่า “ภิกษุชักสื่อให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน ต้องสังฆาทิเสส” (นวโกวาท หน้า 3)
เมื่อกล่าวถึง “ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน” ตามสิกขาบทนี้ พระวินัยปิฎกจำแนกหญิงที่ชายได้มาเป็นภรรยาไว้ 10 ประเภท คือ –
(1) ธนกีตา = ภรรยาสินไถ่
(2) ฉันทวาสินี = ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ
(3) โภควาสินี = ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ
(4) ปฏวาสินี = ภรรยาที่อยู่เพราะผ้า
(5) โอทปัตตกินี = ภรรยาที่สมรส
(6) โอภตจุมพฏา = ภรรยาที่ถูกปลงเทริด
(7) ทาสี จ ภริยา จ = ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา
(8 ) กัมมการี จ ภริยา จ = ภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างทั้งเป็นภรรยา
(9) ธชาหฏา = ภรรยาเชลย
(10) มุหุตติกา = ภรรยาชั่วคราว
ชื่อภรรยาทั้ง 10 ประเภทนี้ ไม่ใช่คำแสดงลักษณะนิสัยของภรรยาเหมือนภรรยา 7 ประเภท เช่น “โจรีภริยา” ภรรยาเยี่ยงโจร “มาตาภริยา” ภรรยาเยี่ยงมารดา เป็นต้น หากแต่เป็นคำแสดงที่มาหรือลักษณะที่ได้หญิงนั้นมาเป็นภรรยาว่าได้มาด้วยวิธีใด
ชื่อภรรยาทั้ง 10 ประเภทนี้บ่งบอกถึงสภาพสังคมหรือค่านิยมในการหาคู่ครองของชายชาวชมพูทวีปในสมัยพุทธกาล เป็นเรื่องน่ารู้ จึงนำแต่ละชื่อมาแสดงความหมายตามกรอบขอบเขตของ “บาลีวันละคำ” พอเป็นอลังการของนักเรียนบาลี
…………..
“ธชาหฏา” อ่านว่า ทะ-ชา-หะ-ตา ประกอบด้วยคำว่า ธช + อาหฏา
(๑) “ธช”
อ่านว่า ทะ-ชะ รากศัพท์มาจาก ธชฺ (ธาตุ = ไป) + อ (อะ) ปัจจัย
: ธชฺ + อ = ธช (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผ้าที่สะบัดไป” หมายถึง ธงทั่วไป
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ธช” ว่า a flag, banner; mark, emblem, sign, symbol (ธง, สัญลักษณ์; เครื่องหมาย, เครื่องแสดง, เครื่องสังเกต)
บาลี “ธช” สันสกฤตเป็น “ธฺวช”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน) บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ธฺวช : (คำนาม) ‘ธวัช,’ เกตุ, ปตาก, ธง; จิน์ห, ลักษณะ; คุหยางค์หรือคุหเยนทรีย์, องค์ที่ลับของชาย; เรือนอันปลูกหรือตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง; เสาธง; (คำใช้ในกวิตา) บาทสองพยางค์; ผู้ต้มกลั่นสุรา, คำว่า ‘สุราการ, สุราชีวิน, สุราโศณฑิ (แผลงจาก – เศาฑิ)’ ก็มีนัยอย่างเดียวกัน; อหังการ; กุหกวฤตติ (แผลงเปน – กุหกพฤติ) ความหน้าไหว้หลังหลอก, ความโกง; a flag or banner; a mark, a sign or symbol; the penis; a house situated to the east of any subject; a flag-staff; (in prosody) an iambic; a distiller; pride; hypocrisy, fraud.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) ธชะ : (คำแบบ) (คำนาม) ธง. (ป.).
(2) ธวัช : (คำนาม) ธง. (ส. ธฺวช; ป. ธช).
ในภาษาไทย คนไทยดูจะคุ้นกับคำว่า “ธวัช” ตามรูปสันสกฤตมากกว่า “ธช” ตามรูปบาลี เช่นในคำว่า “ธวัชฉัตรธง” เป็นต้น ในขณะที่ “ธช” (ธชะ) ตามรูปบาลี พจนานุกรมฯ บอกว่าเป็น “คำแบบ” ซึ่งหมายถึง คำที่ใช้เฉพาะในหนังสือ ไม่ใช่คำพูดทั่วไป
(๒) “อาหฏา”
อ่านว่า อา-หะ-ตา รูปคำเดิมเป็น “อาหฏ” (อา-หะ-ตะ) รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง, กลับความ) + หรฺ (ธาตุ = นำไป) + ต ปัจจัย, ลบที่สุดธาตุ (หรฺ > ห), แปลง ต เป็น ฏ
: อา + หรฺ = อาหรฺ + ต = อาหรต > อาหต > อาหฏ แปลว่า “นำมาแล้ว”
อธิบายเสริม : ในที่นี้ อา-อุปสรรค ใช้ในความหมาย “กลับความ” คือทำให้ธาตุที่มี “อา” นำหน้ามีความหมายตรงกันข้ามกับความหมายเดิม เช่น –
คม = ไป : อาคม = มา
ทา = ให้ : อาทา = รับ, เอา
หร = นำไป : อาหร = นำมา
“อาหฏ” แปลว่า “นำมาแล้ว” “อัน-นำมาแล้ว” ถ้าใช้เป็นคุณศัพท์ (บาลีไวยากรณ์เรียกว่า วิเสสนะ”) หมายถึง บุคคลหรือสิ่งที่ถูกนำมา
ธช + อาหฏ = ธชาหฏ (ทะ-ชา-หะ-ตะ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้อันธงนำมาแล้ว”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ธชาหฏ” ว่า won under or by the colours, taken as booty, captured (แพ้แก่ธง [กองทัพ], ถูกยึดมา, ถูกจับ)
“ธชาหฏ” เมื่อใช้เป็นคุณศัพท์ขยายคำนามที่เป็นอิตถีลิงค์ + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “ธชาหฏา” (ทะ-ชา-หะ-ตา) แปลตามศัพท์ว่า “สตรีผู้อันธงนำมาแล้ว”
“ธชาหฏา” ใช้เป็นคำเรียกภรรยาประเภทหนึ่ง แปลว่า “ภรรยาเชลย”
ขยายความ :
ในพระไตรปิฎก สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 5 ให้คำจำกัดความ “ธชาหฏา” ไว้ดังนี้ –
…………..
ธชาหฏา นาม กรมรานีตา วุจฺจติ ฯ
ภรรยาที่ชื่อว่า “ธชาหฏา” (ภรรยาเชลย) หมายถึง สตรีที่เรียกกันว่า “กรมรานีตา” (สตรีที่ถูกนำมาในฐานะเชลย)
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 1 พระไตรปิฎกเล่ม 1 ข้อ 433
…………..
ขยายความแถม :
คำจำกัดความในพระไตรปิฎกตอนนี้มีศัพท์ที่ควรไขความ คือ “กรมรานีตา” แยกศัพท์เป็น กรมร + อานีต (อา-นี-ตะ แปลว่า “นำมาแล้ว” “สิ่งที่ถูกนำมา”)
“กรมร” อ่านว่า กะ-ระ-มะ-ระ ประกอบด้วยคำว่า กร (กะ-ระ) = มือ + มร = ผู้ที่สมควรตาย = กรมร แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ต้องตายด้วยเงื้อมมือศัตรู”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ขยายความไว้ว่า “one who ought to die from the hand [of the enemy],” but who, when captured, was spared and employed as slave; a slave (“คนผู้ควรตายจากน้ำมือ [ของศัตรู]”, แต่เมื่อถูกจับก็ไม่ถูกฆ่า แต่ถูกใช้เอาตัวเป็นทาส; ทาส)
“กรมรานีตา” จึงหมายถึง สตรีในบ้านเมืองที่แพ้สงคราม แล้วถูกฝ่ายที่ชนะนำตัวมาในฐานะเป็นเชลยหรือเป็นทาส
…………..
คัมภีรอรรถกถาพระวินัยปิฎกขยายความ “ธชาหฏา” ไว้ดังนี้ –
ธเชน อาหฏา ธชาหฏา ฯ
สตรีผู้อันนำธงมาแล้ว ชื่อว่า ธชาหฏา
อุสฺสิตธชาย เสนาย คนฺตฺวา ปรวิสยํ วิลุมฺปิตฺวา อานีตาติ วุตฺตํ โหติ ฯ
มีคำอธิบายว่า “กองทัพยกธงขึ้นแล้วเคลื่อนพลไปโจมตีเขตแดนของปรปักษ์ (ได้ชัยชนะ) แล้วนำสตรีนั้นมา”
ตํ โกจิ ภริยํ กโรติ อยํ ธชาหฏา นาม ฯ
บุรุษบางคนทำสตรีนั้นให้เป็นภรรยา, ภรรยาเช่นนี้ชื่อว่า ธชาหฏา (ภรรยาเชลย)
ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค 2 หน้า 57 (อธิบายสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 5)
…………..
อภิปรายแถม :
คำอธิบายของอรรถกถา – “อุสฺสิตธชาย เสนาย คนฺตฺวา ปรวิสยํ วิลุมฺปิตฺวา อานีตาติ วุตฺตํ โหติ ฯ” ที่แปลไว้ (มีคำอธิบายว่า “กองทัพยกธงขึ้นแล้วเคลื่อนพลไปโจมตีเขตแดนของปรปักษ์ (ได้ชัยชนะ) แล้วนำสตรีนั้นมา”) นั้น เป็นการแปลตรงตามรูปศัพท์ในประโยค แต่อาจจะไม่เห็นภาพตามศัพท์ที่เป็นชื่อ “ธชาหฏา” ซึ่งแปลตามศัพท์ว่า “สตรีผู้อันนำธงมาแล้ว”
ถ้าจะให้เห็นภาพ ควรจะบรรยายว่า เมืองหนึ่งยกทัพไปตีอีกเมืองหนึ่ง ได้ชัยชนะก็กวาดต้อนผู้คนเอามาที่บ้านเมืองของตน เวลาที่ยกทัพกลับจะมองเห็นทหารเชิญธงทิวปลิวไสวนำหน้ามาในกระบวนทัพ ติดตามมาด้วยกองเชลย มีกำลังทหารอีกส่วนหนึ่งคุมเป็นกระบวนหลัง
สตรีที่มาในกองทัพในฐานะเป็นเชลยเช่นนี้แหละที่ท่านเรียกว่า “ธชาหฏา” = “สตรีผู้อันนำธงมาแล้ว”
เมื่อบุรุษบางคนเลือกสตรีเหล่านั้นคนใดคนหนึ่งเป็นภรรยา ภรรยาเช่นนี้ท่านจึงเรียกว่า “ธชาหฏา = ภรรยาเชลย”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้ารักเชลย
: ก็ต้องยอมเป็นเชลยรัก
#บาลีวันละคำ (3,595)
16-4-65
…………………………….
……………………………………….