บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ใครจะช่วยให้มีกองวิชาการคณะสงฆ์

ใครจะช่วยให้มีกองวิชาการคณะสงฆ์

————————————–

เมื่อเกิดกรณีใดๆ ขึ้นกับพระพุทธศาสนาในบ้านเรา ใครเคยสังเกตบ้างว่าเราทำอย่างไรกัน

เราก็ใช้วิธีวิ่งไปถามคนนั้นที วิ่งไปถามคนโน้นที

และคำตอบที่ได้มาก็อยู่ในฐานะเป็นความเห็นส่วนตัว หาข้อยุติไม่ได้

ท่านเจ้าคุณนี่ท่านว่าอย่างนั้น

พระมหานั่นว่าท่านอย่างโน้น

ท่านอาจารย์โน่นว่าอย่างนี้

…………………..

ผมเสนอมานานนักหนาแล้วว่า ให้คณะสงฆ์ตั้ง กองวิชาการคณะสงฆ์ หรือจะเรียกชื่ออย่างไรก็แล้วแต่จะเห็นสมควร

มีพระเถระระดับรองสมเด็จพระราชาคณะรูปหนึ่งเป็นแม่กอง

มีพระราชาคณะและ/หรือพระเถระระดับเปรียญธรรม ๙ ประโยค จำนวนหนึ่ง-เช่น ๒๐ รูป-เป็นกรรมการ คัดเลือกจากฝ่ายมหานิกายครึ่งหนึ่ง จากฝ่ายธรรมยุตครึ่งหนึ่ง เป็นการเฉลี่ยงานกันทำ

จัดหาสถานที่เข้าสักแห่งหนึ่ง ควรจะเป็นวัดใดวัดหนึ่งที่มีอาคารสถานที่พร้อม ซึ่งหาได้ไม่ยาก ใช้เป็นสำนักงาน

จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ประจำสำนักงาน

จัดหาเจ้าหน้าที่ธุรการประจำสำนักงาน

ค่าใช้จ่ายต้องมี แต่ไม่เหลือวิสัย ถ้าไม่คิดเป็นอย่างอื่น ขอรับบริจาคก็ได้ วัดหรือพระที่ชอบบริจาคและบริจาคทีละหนักๆ มีอยู่มากพอสมควร

กรรมการมานั่งทำงานทุกวัน เหมือนข้าราชการปฏิบัติงาน

มีกำหนดประชุมเพื่อพิจารณาปัญหาทางวิชาการพระพุทธศาสนาเป็นประจำ จะกี่วันครั้ง หรือวันละกี่ครั้งก็ตกลงกัน

ในสถานการณ์ปัจจุบัน และโดยระบบการสื่อสารที่ทันสมัย จะปรับแต่งวิธีทำงานและวิธีประชุมเป็นอย่างไร แล้วแต่จะคิดอ่านกัน

ค่าภัตตาหารเช้า-เพล ตั้งงบประมาณ แต่ใช้วิธีขอเชิญชวนรับเป็นเจ้าภาพน่าจะเวิร์คกว่า ตั้งทีมเชิญชวนย่อยๆ เข้าสักทีม รับรองว่าเจ้าภาพจองล่วงหน้าเป็นเดือน ได้อานิสงส์น้องๆ เป็นผู้อุปถัมภ์การทำสังคายนา

………………………………………

พระเจ้าอชาตสัตรูทำปิตุฆาตฆ่าพ่อ บาปหนักถึงอเวจีมหานรก ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมวิเศษแค่ไหนก็ไม่ได้บรรลุมรรคผล แต่เพราะมหากุศลที่ทรงรับเป็นอุปถัมภกในการทำปฐมสังคายนาตลอด ๗ เดือน เป็นรากฐานให้พระพุทธศาสนายั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ อานิสงส์หนุนให้ท่านขึ้นมาอยู่โลหกุมภีนรก และได้รับพยากรณ์ว่าจักได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล

………………………………………

แผนกหนึ่งที่สำคัญมากในกองวิชาการคณะสงฆ์ คือแผนกรับและรวบรวมปัญหา/คำถาม แผนกนี้ต้องมี และต้องทำงานเชิงรุก ไม่ใช่นั่งรอให้มีคนเอากระดาษมาใส่มือแล้วเอากระดาษใส่แฟ้มส่งไปให้กรรมการ แต่ต้องออกไปลาดตระเวนเก็บรวบรวมคำถามบรรดาที่มีผู้ตั้งขึ้น เสนอขึ้น หรือวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นทางสื่อหรือช่องทางต่างๆ แล้วเอามาคัดกรอง ตั้งเป็นประเด็นปัญหาส่งให้กรรมการวินิจฉัยต่อไป

…………………..

วิธีประชุมของกรรมการคือ อัญเชิญพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา อาจริยมติทั้งปวงมาตรวจสอบเทียบทาน แล้วร่วมกันวินิจฉัย

บรรดาท่านเจ้าคุณ ท่านมหา หรือท่านอาจารย์ทั้งหลายที่ชอบวิเคราะห์วิจารณ์ปัญหาดีนัก เชิญท่านมาให้ข้อมูลข้อคิดเห็นเป็นครั้งคราว

ได้ข้อยุติแล้ว ส่งไปยังมหาเถรสมาคม

มหาเถรสมาคมประชุมพิจารณาแล้วประกาศออกมาเป็นมติคณะสงฆ์ไทย ให้ถือปฏิบัติเป็นเอกภาพโดยทั่วกัน

…………………..

ถามว่า ศักยภาพของคณะสงฆ์ไทยที่จะทำเช่นว่านี้ได้มีหรือไม่

ตอบว่า มี และมีอยู่อย่างพรั่งพร้อม สามารถลงมือทำได้ทันทีวันนี้พรุ่งนี้

แต่ที่ขาดไปก็คือ ความคิดที่จะทำ

ความคิดที่จะทำ ไม่มี

พอใครคิด ก็ลากภูเขามาขวางทาง บอกว่าทำไม่ได้ ติดขัด ๑ ๒ ๓ …

ธรรมชาติอย่างหนึ่งของคณะสงฆ์-และรวมถึงระบบราชการไทย-ก็คือ ทำงานตามคำสั่ง นายไม่ได้สั่งให้ทำอะไรใหม่ๆ ก็ทำแต่งานประจำงานเดิมเรื่อยไป งานใหม่ๆ ไม่ต้องคิด และห้ามคิด

เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้คณะสงฆ์ท่านทำอย่างที่ผมเสนอมานี้ ก็ต้องมีใครไปสั่งท่านอีกทีหนึ่ง เสนอลอยๆ อย่างนี้ ท่านไม่ทำ

คนที่สามารถจะสั่งคณะสงฆ์ได้นี่แหละครับที่ผมหาไม่ได้

ท่านที่รักพระศาสนาห่วงพระศาสนา ใครมีความสามารถในการค้นหาคนที่จะสั่งคณะสงฆ์ได้ ช่วยกันหน่อยเถอะครับ

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕

๑๓:๐๑

………………………………………..

ใครจะช่วยให้มีกองวิชาการคณะสงฆ์

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

………………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *