วัดห้าหอ (๓)
วัดห้าหอ (๓)
…………………..
๔ หอระฆัง
…………………..
เมื่อมีการสร้างอารามถวายเป็นของสงฆ์แพร่หลายขึ้นแล้ว อารามก็มีสภาพเหมือนเป็นที่ชุมนุมพบปะกันของประชาชนหรือเป็นศูนย์กลางของชุมชน นอกจากเป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่างๆ แล้ว ยังเป็นที่บอกกล่าวข่าวสารของชุมชนอีกด้วย จึงเกิดความคิดให้มีเครื่องมือส่งสัญญาณบอกข่าวขึ้นไว้ในอาราม ทางบ้านเมืองนิยมใช้ “กลอง” เป็นสัญญาณบอกข่าว ทางอารามจึงคิดใช้ “ระฆัง” เป็นสัญญาณบอกข่าว
“หอระฆัง” จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นิยมสร้างขึ้นไว้ในอาราม สำหรับตีเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีกิจที่ควรทำหรือควรรับรู้เกิดขึ้นในอาราม
ต่อมา เมื่อภิกษุสงฆ์ประชุมกันทำกิจของสงฆ์อันเป็นกิจวัตรประจำวัน ชาววัดประสงค์จะให้ชาวบ้านรับรู้เพื่ออนุโมทนาก็ดี หรือมีกิจสำคัญเป็นพิเศษประสงค์จะให้ชาวบ้านรับรู้เพื่อมาร่วมด้วยช่วยกันทำก็ดี จึงตีระฆังเป็นสัญญาณ และกลายเป็นธรรมเนียมที่เมื่อสงฆ์ทำกิจวัตรประจำวันเช่นไหว้พระสวดมนต์เป็นต้น จะต้องตีระฆังเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านรับรู้และอนุโมทนาสืบมาจนทุกวันนี้
การสร้าง “หอระฆัง” ขึ้นในวัดจึงได้กลายเป็นแบบแผนในการสร้างวัดสืบมาจนถึงปัจจุบัน
………………………………………..
ถ้าไม่มีสัญญาณระฆังดังมาจากวัด
นั่นคือสัญญาณวิบัติแห่งวิถีชีวิตสงฆ์ไทย
………………………………………..
…………………..
๕ หอกลอง
…………………..
เมื่อมีการสร้างอารามถวายเป็นของสงฆ์แพร่หลายขึ้นแล้ว และมีการสร้าง “หอระฆัง” เพื่อตีเป็นสัญญาณบอกให้รู้เวลาที่ชาววัดทำกิจวัตรประจำวันเพื่อให้ชาวบ้านอนุโมทนาแล้ว ได้เกิดความคิดให้มี “หอกลอง” ขึ้นอีกหอหนึ่งในอารามเพื่อตีบอกเวลา เป็นคู่กับ “หอระฆัง” ชั้นเดิมอาจจะตีในช่วงเวลาสำคัญของวัน ดังมีคำว่า “ย่ำค่ำ” และ “ย่ำรุ่ง” ซึ่งหมายถึงย่ำกลองหรือย่ำระฆังนั่นเอง
แต่ตกมาชั้นหลังได้แยกหน้าที่กันค่อนข้างชัดเจน คือ ตีระฆังเป็นสัญญาณบอกการทำกิจวัตรประจำวันของสงฆ์ ตีกลองเพื่อบอกเวลา เช่นตีกลองในเวลา ๑๑:๐๐ นาฬืกา บอกเวลาพระฉันเพล เรียกกันว่า “กลองเพล” ดังที่วัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดในชนบทยังตี “กลองเพล” อยู่ในปัจจุบันนี้
“หอกลอง” จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นิยมสร้างขึ้นไว้ในอาราม สำหรับตีเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีกิจที่ควรทำหรือควรรับรู้เกิดขึ้นในอาราม
บางวัด “หอกลอง” กับ “หอระฆัง” แยกกันเป็นคนละหอ แต่บางวัดเป็นหอเดียวกันก็มี คือชั้นบนแขวนระฆัง ชั้นล่างแขวนกลอง หรือแขวนไว้ชั้นเดียวกัน แต่คนละมุม ทั้งนี้แล้วแต่ความเหมาะสม
อนึ่ง บางโอกาสอาจตีกลองควบคู่ไปกับตีระฆัง ดังเสียงปากที่เราคุ้นกันว่า ตะ-ลุ่ม-ตุ้ม-เม็ง ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีว่า “ตะ-ลุ่ม-ตุ้ม” คือเสียงกลอง “เม็ง” คือเสียงระฆัง
แต่เดิมกลองและระฆังเป็นอุปกรณ์ใช้ส่งสัญญาณบอกเหตุหรือบอกเวลา เป็นสิ่งที่มีใช้อยู่ในวัดและใช้กันมานานนักหนาจนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างสำคัญที่บอกถึงวิถีชีวิตของชาววัด
ปัจจุบันแม้เราจะมีอุปกรณ์อย่างอื่นที่อาจใช้ได้ดีกว่า เร็วกว่า หรือทันสมัยกว่า แต่เสียงกลองเสียงระฆังที่ดังออกมาจากวัดก็ยังเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่า วิถีชีวิตของชาววัดหรือวิถีชีวิตสงฆ์ยังคงดำรงอยู่และดำเนินไปเป็นปกติ
กลองและระฆังจึงมีความหมายและมีคุณค่ามากกว่าเป็นอุปกรณ์บอกเหตุหรือบอกเวลาธรรมดาทั่วไป
………………………………………..
รื้อฟื้น “หอกลอง”
รื้อฟื้นการตี “กลองเพล”
คือการรื้อฟื้นจิตวิญญาณของวัด
คือการรื้อฟื้นจิตวิญญาณของพระศาสนา
………………………………………..
(ยังมีต่อ ๔)
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
๑๓:๕๔
…………………………………….
วัดห้าหอ (๔)
…………………………………….
วัดห้าหอ (๒)
…………………………………….