บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

สำคัญแค่วันเดียว

สำคัญแค่วันเดียว

—————–

เมื่อวันลอยกระทง คือขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผมเขียนคำว่า “เรวดีนพมาศ” เป็นบาลีวันละคำ ก็ต้องเอ่ยถึงประเพณีลอยกระทงด้วยเพราะมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ 

มีญาติมิตรติงว่า ทำไมไม่พูดถึงบ้างว่า- กลางเดือน ๑๒ เป็นวันปรินิพพานของพระสารีบุตร 

นี่ก็คือ-ฉีกประเด็น 

คือผู้คนสนใจกันเรื่องหนึ่ง แล้วมีคนบอกว่า ควรสนใจอีกเรื่องหนึ่งจึงจะถูกต้อง

นอกจากจะเป็นวันปรินิพพานของพระสารีบุตรแล้ว กลางเดือน ๑๒ ยังเป็นวันสุดท้ายแห่งเทศกาลทอดกฐินอีกด้วย – นี่ก็ไม่มีใครยกขึ้นมาเน้นความสำคัญ 

และถ้าสืบค้นดูในพระไตรปิฎก เราอาจจะได้พบเหตุการณ์อื่นๆ อีกที่เกิดขึ้นในวันกลางเดือน ๑๒ 

ขออนุโมทนากับญาติมิตรที่ชวนให้คิด-ฉีกประเด็น 

หวังว่าเราจะได้ช่วยกันเอาแนวคิด-ฉีกประเด็น-นี้ ไปขยายผลให้เกิดประโยชน์ คือ – 

ชวนกันศึกษาประวัติพระสารีบุตร และหาความสำคัญให้พบว่า การที่ท่านปรินิพพานในวันกลางเดือน ๑๒ นั้นมีความสำคัญอย่างไร-ที่ควรจะหยิบขึ้นมาเชิดชูเป็นพิเศษ 

ชวนกันศึกษาเรื่องทอดกฐิน และหาความสำคัญให้พบว่า การที่วันกลางเดือน ๑๒ เป็นวันสุดท้ายของการทอดกฐินนั้นมีความสำคัญอย่างไร-ที่ควรจะหยิบขึ้นมาเชิดชูเป็นพิเศษ 

อย่าให้การฉีกประเด็นเป็นเพียงการพูดแย้ง-เพราะอยากพูดเท่านั้น 

และศึกษากันให้ทะลุปรุโปร่งได้องค์ความรู้เป็นมรรคเป็นผลตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไปเลยนะครับ 

ไม่ใช่รอไปถึงวันกลางเดือน ๑๒ ปีหน้า พอใครเขาลอยกระทงกัน ก็ “ฉีกประเด็น” ขึ้นมาอีกวันเดียวแล้วก็เงียบไปอีกปีหนึ่ง 

………………..

ยังมีอีกวันหนึ่งนะครับ ซึ่งยังไม่ถึง-หรือจะว่าเลยมาแล้วก็ได้-คือวันกลางเดือน ๓ ที่เราเรียกกันว่า “มาฆบูชา” 

พอถึงวันกลางเดือน ๓ เราก็ตะลุมบอนกันแต่เรื่อง “จาตุรงคสันนิบาต” แล้วก็ “โอวาทปาติโมกข์” 

กี่ปีๆ ก็เน้นกันแต่ประเด็นนั้น -“มาฆบูชา” เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์อันเป็นหลักคำสอนสำคัญ-บางท่านถึงกับบอกว่าเป็นวันแสดง “หัวใจของพระศาสนา” 

แต่ยังมีเหตุการณ์สำคัญมากๆ อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันกลางเดือน ๓ แต่แทบจะไม่มีใครเอ่ยถึงเลย ก็คือ เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขาร 

………………..

“ปลงพระชนมายุสังขาร” หมายความว่า พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า บริษัท ๔ มีคุณสมบัติพร้อม และพรหมจริยะคือพระศาสนานี้ เจริญแพร่หลายไพบูลย์ดีแล้ว จึงตกลงพระทัยว่า อีก ๓ เดือนแต่นั้นไปจะปรินิพพาน

พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานกลางเดือน ๖ 

นับถอยหลังไป ๓ เดือน ก็คือ กลางเดือน ๓ 

วันกลางเดือน ๓ จึงเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขาร-ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก 

ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้ว ผมว่าสำคัญมากกว่าวันเสด็จดับขันธปรินิพพานเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นวันเริ่มต้นเตรียมการทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในอีก ๓ เดือนข้างหน้า 

พูดภาษาชาวบ้านธรรมดา-ไม่ต้องคิดอะไรมาก-ตายแค่แป๊บเดียว แต่เตรียมตัวตายใช้เวลาถึง ๓ เดือน 

อะไรสำคัญกว่ากัน?

ว่ากันในทางปรากฏการณ์ วันปลงพระชนมายุสังขาร แผ่นดินไหวเหมือนวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน แสดงถึงความสำคัญทัดเทียมกัน 

และในระหว่าง ๓ เดือนนั้น มีความเคลื่อนไหวหลายอย่างในหมู่พุทธบริษัทที่ควรแก่การศึกษา 

แต่ที่สำคัญก็คือ พุทธกิจในระหว่าง ๓ เดือนนั้นเข้มข้นสุดๆ ควรแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง 

แค่มหาปรินิพพานสูตรเพียงสูตรเดียวก็มีเรื่องให้ศึกษาเป็นอเนกอนันตัง

วันปลงพระชนมายุสังขารสำคัญถึงเพียงนี้ 

แต่พอถึงกลางเดือน ๓ เราก็ไปให้ความสำคัญกับการแสดงโอวาทปาติโมกข์กันอย่างเดียว 

ไม่มีใครคิดถึงเหตุการณ์ทรงปลงพระชนมายุสังขารเลย – ประหลาดไหม

เรากำหนดให้มีวัน “มาฆบูชา” โดยปรารภการแสดงโอวาทปาติโมกข์เท่านั้น 

ไม่มีใครยกเอาการปลงพระชนมายุสังขารขึ้นมาเชิดชูในวันนั้นกันเลย

“มาฆบูชา” ไม่ได้หมายถึง-การบูชาในวันปลงพระชนมายุสังขาร ทั้งๆ ที่ควรจะหมายถึงด้วยอย่างยิ่ง

นี่ก็เป็นช่องทางที่จะ “ฉีกประเด็น” ได้อีกวันหนึ่ง

ต่อไปเราก็ควรจะต้องเชิดชูวันมาฆบูชาว่าเป็นวันปลงพระชนมายุสังขารกันให้มาก และควรจะมากเท่าๆ กัน หรือมากกว่าวันแสดงโอวาทปาติโมกข์นั่นด้วยซ้ำไป

อย่าลืมนะครับ “มาฆบูชา” ที่จะถึงในปีหน้านี้ ขอให้เราช่วยกันพูดว่า มาฆบูชา-วันปลงพระชนมายุสังขาร แล้วช่วยกันศึกษาความสำคัญของการปลงพระชนมายุสังขาร 

ศึกษาไปตั้งแต่วันนี้นะครับ และศึกษาเรื่อยไปตลอดไป ไม่ใช่พูดถึงลอยๆ ในวันนั้นวันเดียว แล้วก็เลิก อย่างที่เรากำลังนิยมทำกัน

………………..

ทั้งหมดนี้ ผมเป็นแต่เพียงชวนให้คิดนะครับว่า เราจะฉีกประเด็นอะไรก็ควรจะคำนึงถึงอะไรๆ ไว้ด้วย 

ข้อที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องโหนกระแส

ชาวบ้านเขาจะลอยกระทงหรือไม่ลอยกระทงก็ช่างเขา พอถึงกลางเดือน ๑๒ เราก็จัดงานวันปรินิพพานของพระสารีบุตรของเรา ไม่ต้องเอาไปอิงกับลอยกระทง

ชาวบ้านเขาจะลอยกระทงหรือไม่ลอยกระทงก็ช่างเขา พอถึงกลางเดือน ๑๒ เราก็จัดงานเฉลิมฉลองวันสุดท้ายของประเพณีทอดกฐินของเรา และไม่ต้องเอาไปอิงกับลอยกระทง

มาฆบูชา-ใครจะจัดงานวันแสดงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ก็จัดไป 

พอถึงกลางเดือน ๓ เราก็จัดงานวันปลงพระชนมายุสังขารของเราไป และไม่ต้องเอาไปอิงกับมาฆบูชา เพราะมาฆบูชาเขาไม่ได้ปรารภเรื่องปลงพระชนมายุสังขาร เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปยุ่งกับเขา 

ฉีกประเด็น-ต้องทำกันถึงขนาดนั้น ใช่หรือไม่? 

หรือว่า-เราขอเพียงให้ช่วยกันเชิดชูความสำคัญของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นๆ

ลอยกระทงก็สำคัญ

วันปรินิพพานของพระสารีบุตร ก็สำคัญ

วันสุดท้ายของประเพณีทอดกฐิน ก็สำคัญ 

วันแสดงโอวาทปาติโมกข์ ก็สำคัญ

วันปลงพระชนมายุสังขาร ก็สำคัญ

ทุกงานล้วนสำคัญ 

เมื่อเห็นว่าสำคัญ ก็ช่วยกันศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติกาย วาจา ใจ ให้ถูกต้องดีงาม น้อมเอาความสำคัญของงานนั้นๆ เข้ามาไว้ในวิถีชีวิตของเราจริงๆ 

ไม่ใช่ฉีกประเด็นขึ้นมาในวันนั้นวันเดียว แล้วก็เลิก 

รอไปอีกปีหนึ่ง พอถึงวันนั้นก็พูดขึ้นมาอีกคำหนึ่ง แล้วก็เลิก

สำคัญแค่วันเดียว – อย่างที่เรากำลังนิยมทำกับวันสำคัญต่างๆ ที่เรากำหนดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒

๑๑:๔๔

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….



ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *