บาลีวันละคำ

อจฺฉมํส (บาลีวันละคำ 3,655)

อจฺฉมํส

อจฺฉมํส

เนื้อหมี : เนื้อต้องห้ามชนิดที่ 9

เขียนแบบบาลี อ่านว่า อัด-ฉะ-มัง-สะ

แยกศัพท์เป็น อจฺฉ + มํส

(๑) “อจฺฉ” 

อ่านว่า อัด-ฉะ รากศัพท์มาจาก อสฺ (ธาตุ = ซัดไป) + ปัจจัย, แปลง สฺ ที่สุดธาตุเป็น จฺ

: อสฺ + = อสฺฉ > อจฺฉ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่พุ่งตัวไป” หมายถึง หมี (a bear) 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “อจฺฉ” เหมือนบาลี บอกไว้ดังนี้ –

อจฺฉ : (คำวิเศษณ์) ใส, กระจ่าง; clear, transparent; – (คำนาม) หมี; แก้ว; a bear; a crystal.”

คำว่า “หมี” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

หมี : (คำนาม) ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Ursidae ตาและใบหูกลมเล็ก ริมฝีปากยื่นแยกห่างออกจากเหงือก สามารถยืนและเดินด้วยขาหลังได้ ประสาทการดมกลิ่นดีกว่าประสาทตาและหู กินพืชและสัตว์ ในประเทศไทยมี ๒ ชนิด คือ หมีควาย [Selenarctos thibetanus (G. Cuvier)] ตัวใหญ่ ขนยาวดำ ที่อกมีขนสีขาวรูปง่าม และหมีหมาหรือหมีคน [Helarctos malayanus (Raffles)] ตัวเล็กกว่าหมีควาย ขนสั้นดำ ที่อกมีขนสีขาวรูปคล้ายเกือกม้า.”

แถม :

คำบาลีที่แปลว่า หมี อีกคำหนึ่งคือ “อิกฺก” (อิก-กะ) รากศัพท์มาจาก อิจฺ (ธาตุ = ส่งเสียง) + (อะ) ปัจจัย, แปลง จฺ ที่สุดธาตุเป็น , ซ้อน กฺ ระหว่างธาตุกับปัจจัย (อิจฺ + กฺ + )

: อิจฺ + กฺ + = อิจฺก > อิกฺก (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สัตว์ที่ชอบส่งเสียง

บาลี “อิกฺก” สันสกฤตเป็น “ฤกฺษ” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

ฤกฺษ : (คำวิเศษณ์) อันแทงแล้ว, ตัดแล้วหรือแบ่งแล้ว; pierced, cut or divided; – (คำนาม) ดาว, นักษัตร; ภูเขาในทวีปกัลป, ที่ประทับชั่วคราวของพระราม; หมี; a star, a constellation; a mountain in the peninsula, the temporary residence of Rāma; a bear.”

คำนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บเป็น “ฤกษ์ ๒” บอกไว้ดังนี้ –

ฤกษ์ ๒ : (คำนาม) หมี; ดาวจระเข้, ดาวนพเคราะห์. (ส.).”

สรุปว่า ศัพท์ที่แปลว่า “หมี” :

บาลี “อจฺฉ” สันสกฤต “อจฺฉ

บาลี “อิกฺก” สันสกฤต “ฤกฺษ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ฤกษ์” แต่ไม่ได้เก็บคำว่า “อัจฉะ

(๒) “มํส” 

อ่านว่า มัง-สะ รากศัพท์มาจาก มนฺ (ธาตุ = รู้) + ปัจจัย, แปลง นฺ ที่สุดธาตุเป็นนิคหิต (มนฺ > มํ)

: มนฺ + = มนส > มํส (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันคนรู้จัก” หมายถึง เนื้อคน, เนื้อสัตว์ (flesh, meat)

มํส” ในภาษาไทยใช้เป็น “มังส” และอิงสันสกฤตเป็น “มางสะ” 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

มังส-, มังสะ, มางสะ : (คำนาม) เนื้อของคนและสัตว์. (ป.).”

คำที่เราคุ้นกันดีคือ “มังสวิรัติ” (มัง-สะ-วิ-รัด) ก็มาจาก “มํส” คำนี้

อจฺฉ + มํส = อจฺฉมํส (อัด-ฉะ-มัง-สะ) แปลว่า “เนื้อหมี” 

ขยายความ :

อจฺฉมํส” เป็น 1 ในเนื้อ 10 ชนิดที่มีพุทธบัญญัติห้ามภิกษุฉัน คือ –

(1) มนุสฺสมํส เนื้อมนุษย์

(2) หตฺถิมํส เนื้อช้าง

(3) อสฺสมํส เนื้อม้า

(4) สุนขมํส เนื้อสุนัข

(5) อหิมํส เนื้องู

(6) สีหมํส เนื้อสิงโต

(7) พฺยคฺฆมํส เนื้อเสือโคร่ง

(8 ) ทีปิมํส เนื้อเสีอเหลือง

(9) อจฺฉมํส เนื้อหมี

(10) ตรจฺฉมํส เนื้อเสือดาว

…………..

ต้นเรื่องที่ห้ามฉันเนื้อหมี ในพระวินัยปิฎกบันทึกไว้ดังนี้ –

…………..

เตน  โข  ปน  สมเยน  ลุทฺธกา  อจฺฉํ  หนฺตฺวา  อจฺฉมํสํ  ปริภุญฺชนฺติ  ภิกฺขูนํ  ปิณฺฑาย  จรนฺตานํ  อจฺฉมํสํ  เทนฺติ  ฯ 

ก็สมัยนั้นแล พวกพรานฆ่าหมีแล้วบริโภคเนื้อหมี และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต

ภิกฺขู  อจฺฉมํสํ  ปริภุญฺชิตฺวา  อรญฺเญ  วิหรนฺติ  ฯ

พวกภิกษุฉันเนื้อหมีแล้วอยู่ในป่า

อจฺฉา  อจฺฉมํสคนฺเธน  ภิกฺขู  ปริปาเตนฺติ  ฯ

เหล่าหมีฆ่าพวกภิกษุเพราะได้กลิ่นเนื้อหมี 

ภควโต  เอตมตฺถํ  อาโรเจสุํ  ฯ

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

(พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า)

น  ภิกฺขเว  อจฺฉมํสํ  ปริภุญฺชิตพฺพํ  

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อหมี

โย  ปริภุญฺเชยฺย  อาปตฺติ  ทุกฺกฏสฺสาติ  ฯ

รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกฏ

ที่มา: เภสัชขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 60

…………..

คัมภีร์อรรถกถาขยายความว่า –

…………..

สีหมํสาทีนิ  ปญฺจ  อตฺตโน  อนุปทฺทวตฺถายาติ  ฯ

เนื้อ 5 ชนิดมีเนื้อสิงโตเป็นต้น (รวมทั้งเนื้อหมี) ที่ทรงห้ามก็เพื่อต้องการความไม่มีอันตรายแก่ภิกษุ

ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค 3 หน้า 193

…………..

ดูก่อนภราดา!

: สัตว์มักจะร้ายเมื่อถูกทำร้าย

: มนุษย์แม้ไม่มีใครทำร้ายก็ร้ายได้

#บาลีวันละคำ (3,655)

15-6-65 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *